ซอกแซกบนเส้นทางเศรษฐกิจในรัฐเวราครูซ ของเม็กซิโก

ซอกแซกบนเส้นทางเศรษฐกิจในรัฐเวราครูซ ของเม็กซิโก

วันที่นำเข้าข้อมูล 13 มิ.ย. 2554

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 28 พ.ย. 2565

| 5,992 view

ซอกแซกบนเส้นทางเศรษฐกิจในรัฐเวราครูซ ของเม็กซิโก

จาก สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก
(
http://www.thaimexico.com/ หรืออีเมล์ [email protected],
[email protected])

  
                          

ภาพจาก www.google.com

     นอกจากประเทศเม็กซิโกจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังอย่างแคนคูน ชายหาดอันสวยงามและเมืองโบราณเตโอติอัวคันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่เราต่างรู้จักกันดีแล้ว อาหารเม็กซิโกก็ยังขึ้นเรื่องความอร่อยและรสชาติเผ็ดร้อนอันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย แต่ท่านทราบไหมว่า เม็กซิโกยังเป็นประเทศที่มีบทบาทและศักยภาพด้านเศรษฐกิจสูงด้วย และมีการค้าขายกับประเทศต่างๆ มากมาย รวมถึงไทย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเม็กซิโก จึงขอนำผู้อ่านทุกท่านไปซอกแซกด้วยกันเพื่อตามหาลู่ทางด้านเศรษฐกิจของเม็กซิโกในส่วนรัฐเวราครูซ (Veracruz) โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้

     ภายหลังการเดินทางเยือนหลายประเทศในลาตินอเมริกาของผู้แทนการค้าไทย เมื่อเดือนกันยายน 2553 รัฐบาลไทยได้ปรับให้เม็กซิโกเป็น priority list 1 ใน 13 ประเทศสำคัญในการสนับสนุนให้นักลงทุนไทยไปลงทุน และให้ความสำคัญกับ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ 1) สาขาการเกษตร 2) สิ่งทอและเสื้อผ้า 3) ชิ้นส่วนยานยนต์ 4) ท่องเที่ยวและบริการ และ 5) กิจการก่อสร้าง
 

     ทั้งนี้  รัฐเวราครูซ ก็เป็นหนึ่งในรัฐสำคัญที่ไทยตระหนักถึงศักยภาพและเป็นช่องทางในการขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับเม็กซิโก โดยเฉพาะในด้านเกษตรกรรม ภาคก่อสร้าง และการท่องเที่ยว เนื่องจากรัฐเวรา-       ครูซแห่งนี้ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ รวมถึงเป็นรัฐที่ผลิตน้ำมัน ไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ และพลังงานทดแทน อีกทั้งยังมีระบบขนส่งที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ รัฐเวราครูซจึงมีศักยภาพสูงที่จะเป็นฐานการผลิต และจะกลายเป็นรัฐที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของไทยไปยังประเทศใกล้เคียง
 

     ขอเริ่มต้นกันที่ ด้านการเกษตร รัฐเวราครูซ ก็มีศักยภาพเต็มเปี่ยมในการเป็นฐานด้านเกษตร  เพราะมีสภาอากาศที่ดี สามารถปลูกพืชผักผลไม้เมืองร้อนได้ทุกชนิด อีกทั้งยังมีนโยบายเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งไทยอาจใช้ประโยชน์ทางจุดแข็งของรัฐในด้านนี้ ร่วมลงทุนเพาะปลูกผลไม้เมืองร้อนเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยมีฐานอุปสงค์สำคัญ คือ ร้านอาหารไทยที่มีอยู่จำนวนมากในลอนแอนเจลิส และชุมชนเอเชียในเมืองต่างๆ ในสหรัฐฯ 

     ถัดมาถึง ด้านการก่อสร้าง ซึ่งน่าสนใจมากอีกด้านหนึ่ง  เพราะรัฐเวราครูซเป็นที่ตั้งของท่าเรือ (Port of Veracruz)  ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และมีศักยภาพมากที่สุดในลาตินอเมริกา เนื่องจากมีระบบ โลจิสติกส์ที่ดี ทั้งทางถนนและรถไฟไปยังสหรัฐฯ (ภาคตะวันออก) รวมทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังประเทศแถบทะเลแคริบเบียน ยุโรป และตะวันออกกลาง โดยมีท่าเทียบเรือสินค้าทั้งหมด 18 ท่าในปัจจุบัน และกำลังจะขยายเป็น 36 ท่า รวมถึงจะมีการสร้างพื้นที่เก็บสินค้า จุดพัก และตรวจสอบรถบรรทุกเพิ่มเติมด้วย จึงเป็นโอกาสของเอกชนไทยที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาท่าเรือกับเอกชนท้องถิ่น ซึ่งจะมีการเปิดประมูลการก่อสร้างท่าเรือในระยะต่างๆ ตามหลักการประมูลนานาชาติ  นอกจากนี้ รัฐเวราครูซ ยังเป็นรัฐที่ผลิตท่อเหล็กมากกว่าร้อยละ 40 ของท่อเหล็กที่ผลิตในโลก โดยท่อส่วนใหญ่จะใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมันในประเทศ และคาดว่าจะสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 450,000 ตันต่อปีอีกด้วย

     ด้านการท่องเที่ยว แม้รัฐเวราครูซ จะมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวเม็กซิกัน และนักท่องเที่ยวระดับกลาง ขณะที่ ทัศนียภาพของภูมิประเทศ เช่น ชายหาดยังไม่ค่อยสวยงามโดดเด่นมากนัก ดังนั้น  จึงนับเป็นโอกาสของเอกชนไทยในสาขาบริการท่องเที่ยว ที่จะไปลงทุนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านนี้  เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากอเมริกากลาง และอเมริกาเหนือได้ต่อไป