เกาะติดเศรษฐกิจลาตินอเมริกา

เกาะติดเศรษฐกิจลาตินอเมริกา

วันที่นำเข้าข้อมูล 22 พ.ย. 2554

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 26 พ.ย. 2565

| 3,178 view

เกาะติดเศรษฐกิจลาตินอเมริกา


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก


การส่งออกผลไม้ของชิลีเติบโตอย่างต่อเนื่อง

           ในช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกผลไม้ของชิลีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ส่งผลให้อุตสาหกรรมดังกล่าวทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศตลอดมา ดังจะเห็นได้จากอัตราการขยายตัวของการส่งออกผลไม้ของชิลีเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปในทางบวกเช่นเดียวกับเมื่อทศวรรษ
ที่ผ่านมา 

           เมื่อฤดูกาลผลิตในช่วงปี 2553 2554 ผู้ส่งออกผลไม้ของชิลีหลายรายมีรายงานผลประกอบการที่ดี โดยบริษัทที่มีผลประกอบการดีที่สุด ได้แก่ Dole (บริษัทอเมริกัน) มีอัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้าร้อยละ 7.2 ตามมาด้วยบริษัท Verfrut มีสถิติการส่งออกที่ขยายตัวร้อยละ 32.6 เมื่อเทียบกับฤดูกาลผลิตก่อนหน้านี้

           นอกจากนี้ ยังมีสถิติอื่นที่แสดงให้เห็นว่า การส่งออกผลไม้ของชิลีมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง อาทิ เมื่อฤดูการผลิต 2552 - 2554 องุ่นสำหรับรับประทาน ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่ครองส่วนแบ่งตลาดส่งออกร้อยละ 32  มีอัตราการขยายตัวถึงร้อยละ 6.3 
ประธานสมาคมผู้ส่งออกผลไม้แห่งชิลีระบุว่า การขยายตัวของตลาดผลไม้ของชิลีส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการเพิ่มความหลากหลายของตลาดส่งออกผลไม้ของชิลี ซึ่งไม่พึ่งพาเฉพาะตลาดดั้งเดิมอย่างสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปเท่านั้น  นอกจากนี้ การขยายตัวดังกล่าวยังเป็นผลมาจากกระบวนการผลิตผลไม้บางประเภทที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับราคาผลไม้ในตลาดโลกที่ดีขึ้นด้วย

ที่มา www.santiagotimes.cl : วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


ชิลีครองอันดับ 44 ประเทศมาตรฐานชีวิตดีที่สุด

           ชิลีได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 44 ของดัชนีการพัฒนามนุษย์  (Human Development Index) ซึ่งสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ทำการศึกษา เพื่อเปรียบเทียบมาตรฐานการพัฒนามนุษย์และคุณภาพชีวิตของประชากรในประเทศต่างๆ จำนวน 187 ประเทศทั่วโลก  

           โดยใช้ตัวชี้วัดต่างๆ เช่น อัตราการรู้หนังสือ จำนวนปีการศึกษา รายได้ต่อหัว อายุขัยโดยเฉลี่ย เป็นต้น อันดับที่ชิลีได้รับถือเป็นอันดับที่สูงที่สุดในหมู่ประเทศลาตินอเมริกาด้วยกัน และเป็นหนึ่งใน 47 ประเทศที่ UNDP ยกย่องให้เป็นประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ในระดับสูงมากอีกด้วย   

           รายงานดัชนีการพัฒนามนุษย์ดังกล่าวระบุว่า ตลอด 31 ปีที่ผ่านมา การพัฒนามนุษย์ในชิลีมีคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเมื่อระหว่างปี 2523  2554 อายุขัยของประชากรชาวชิลีเพิ่มขึ้น 9.9 ปี จำนวนปีการศึกษาเพิ่มขึ้น 3.4 ปี และรายได้ประชาชาติต่อหัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 158 พัฒนาการดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นว่า ชิลีมีความสามารถในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร รวมทั้งสามารถเพิ่มความสมดุลระหว่างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและนโยบายสาธารณะที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวได้ 

          ทั้งนี้ ประเทศลาตินอเมริกาอื่นๆ ที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในดัชนีการพัฒนามนุษย์เป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค ได้แก่  อาร์เจนตินา อันดับที่ 45 อุรุกวัย อันดับที่ 48 คิวบา อันดับที่ 51 เป็นต้น

ที่มา www.santiagotimes.cl : วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในชิลีเมื่อเดือนตุลาคม 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10

            สมาคมรถยนต์แห่งชาติของชิลี (ANAC) รายงานว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงตุลาคม 2554 การจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในชิลีมีจำนวน 274,731 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 และยังเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับสถิติการจำหน่ายรถยนต์ทั้งปี 2553 แล้ว  

            เดือนตุลาคม 2554 เพียงเดือนเดียว มีการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในชิลีจำนวน 26,412 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมปีที่แล้ว 

            เลขาธิการสมาคมฯ ระบุว่า ในช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายของปีนี้การจำหน่ายรถยนต์ในชิลีจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่า ในปี 2554 ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในชิลีจะมีประมาณ 330,000 คัน ซึ่งถือเป็นสถิติการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ ส่วนแนวโน้มการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในชิลีในปี 2555 น่าจะคาดการณ์ได้ตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป

            นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังรายงานด้วยว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงตุลาคม 2554 มีการจำหน่าย รถบรรทุกในชิลีจำนวน 15,019 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 ขณะที่การจำหน่ายรถบัสในช่วงสิบเดือนแรกของปีนี้มีจำนวน 2,674 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 0.15 เท่านั้น

ที่มา www.emol.com : วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


ปานามาเป็นประเทศที่เป็นมิตรที่สุดสำหรับการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติในทวีปอเมริกา

            ดัชนีธุรกิจ 2554 (Business Index 2554) ซึ่งจัดทำโดยเว็บไซต์ www.InternationalLiving.com ได้จัดอันดับให้ปานามาเป็นประเทศที่มีความเป็นมิตรมากที่สุดสำหรับการทำธุรกิจของชาวต่างชาติในทวีปอเมริกา ดัชนีดังกล่าวทำการศึกษาปัจจัยต่างๆ 8 ประการ ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งทุน ความยากง่าย ของการเริ่มต้นทำธุรกิจ โอกาสของตลาด แนวโน้มในอนาคต การเช่าและการเช่าซื้อสถานที่ประกอบการ ภาษา สาธารณูปโภคเพื่อการประกอบธุรกิจ และวัฒนธรรมทางธุรกิจของท้องถิ่น เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติในประเทศนั้นๆ

            ผลการศึกษาดังกล่าวสรุปว่า ปานามาเป็นประเทศที่มีความเป็นมิตรมากที่สุดสำหรับการทำธุรกิจของชาวต่างชาติ โดยมีข้อได้เปรียบคือ ปานามาเป็นประเทศที่นิยมการบริโภค และมีแรงงานซึ่งมีความสามารถในการสื่อสารได้สองภาษา รวมทั้งมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ประสิทธิภาพเหนือกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค นอกจากนี้ รัฐบาลปานามายังมีนโยบายที่เอื้อต่อการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และส่งเสริมการลงทุนในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นนโยบายที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้

            ทั้งนี้ ดัชนี Business Index 2554 จัดให้เบลีซเป็นประเทศที่มีความเป็นมิตรสำหรับการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติสูงเป็นอันดับที่สองในทวีปอเมริกา โดยมีข้อได้เปรียบจากปัจจัยด้านภาษา ระบบสาธารณูปโภคเพื่อการประกอบธุรกิจ และวัฒนธรรมทางธุรกิจของท้องถิ่น

ที่มา www.sfgate.com : วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


คอสตาริกาอยู่ในอันดับที่ 69 ของดัชนีการพัฒนามนุษย์

            ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index) ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) จัดให้คอสตาริกาอยู่ในอันดับที่ 69 จาก 187 ประเทศทั่วโลก แม้จะเป็นอันดับที่ต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้ว 7 อันดับด้วยกัน แต่คอสตาริกาก็ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยกย่องจาก UNDP ว่า มีการพัฒนามนุษย์ในระดับสูง

            หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกาแล้ว ดัชนีการพัฒนามนุษย์ชี้ว่า คอสตาริกามีคะแนนในส่วนของตัวชี้วัดด้านการสาธารณสุขที่ดีที่สุดในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาระบบสาธารณสุขควบคู่ไปกับระบบประกันสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ

            ปัจจุบัน อายุขัยเฉลี่ยของประชากรชาวคอสตาริกาเท่ากับ 79.3 ปี ซึ่งเป็นอายุขัยเฉลี่ยที่สูงที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกา และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คะแนนด้านการสาธารณสุขของคอสตาริกาอยู่ในระดับเทียบเท่าประเทศที่มีอัตราการพัฒนามนุษย์ในระดับต้นๆ ของดัชนีดังกล่าว

            อย่างไรก็ดี  ตัวชี้วัดด้านการศึกษา และรายได้ประชาชาติต่อหัวของคอสตาริกาตามดัชนีการพัฒนามนุษย์ไม่โดดเด่นมากนักและยังคงต้องได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

ที่มา www.nacion.com : วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


การส่งออกกาแฟคอสตาริกามีมูลค่า 317 ล้านดอลลาร์สหรัฐตลอดเก้าเดือนแรกของปี 2554

            กระทรวงการค้าต่างประเทศคอสตาริการายงานว่า การส่งออกกาแฟของคอสตาริการะหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2554 มีมูลค่า 317 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2553 ร้อยละ 41.2 อันเนื่องมาจากราคากาแฟในตลาดโลกที่สูงขึ้นมาก  โดยราคากาแฟที่จะส่งมอบในเดือนธันวาคม 2554 อยู่ที่กระสอบละ 235.15 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ มูลค่าการส่งออกดังกล่าวยังส่งผลให้กาแฟกลายมาเป็นสินค้าส่งออกทางการเกษตรที่มีความสำคัญเป็นอันดับที่สามของคอสตาริกาด้วย 

            ขณะเดียวกัน กล้วยยังคงสถานะเป็นสินค้าส่งออกด้านการเกษตรที่สำคัญที่สุดของประเทศ โดยมีมูลค่าการส่งออก 565.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 ส่วนอันดับสองคือสับปะรด มีมูลค่าการส่งออกรวม 530.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2

ที่มา www.elmundo.com.sv : วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554


การส่งออกเครื่องนุ่งห่มของเอลซัลวาดอร์ขยายตัวร้อยละ 11 ในปี 2554

            หอการค้าอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเขตปลอดภาษี เอลซัลวาดอร์ ระบุว่า ในปี 2554 การส่งออกสินค้าประเภทสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของเอลซัลวาดอร์จะขยายตัวร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2554
ผู้แทนหอการค้าฯ ระบุว่า การขยายตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากความต้องการบริโภคสินค้าประเภทเครื่องนุ่งห่มในสหรัฐอเมริกาที่มีเพิ่มมากขึ้นในปีนี้   

            ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสินค้าประเภทเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มขนาดใหญ่ของเอลซัลวาดอร์ที่มีส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 75 ของสินค้าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่เอลซัลวาดอร์ส่งออกทั้งหมด โดยในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2554 เอลซัลวาดอร์ส่งออกสินค้าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มไปขายในสหรัฐอเมริกาแล้วมูลค่า 1,268.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

            ที่ผ่านมา สินค้าส่งออกประเภทเครื่องนุ่งห่มของเอลซัลวาดอร์ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผลิตจากโรงงานในเขตปลอดภาษี ซึ่งมีสิทธิพิเศษในการได้รับคืนภาษีสำหรับสินค้าที่ส่งออกด้วย  อย่างไรก็ดี องค์การการค้าโลกขอให้มีการปรับปรุงมาตรการดังกล่าวภายในปี 2558 ซึ่งรัฐบาลเอลซัลวาดอร์อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้ ภาคการผลิตสินค้าเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอเป็นแหล่งสร้างงานทั้งโดยตรงและโดยอ้อมกว่า 240,000 ตำแหน่งในเอลซัลวาดอร์

ที่มา www.elmundo.com.sv : วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554


เศรษฐกิจเอลซัลวาดอร์ในปี 2011 จะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4 เท่านั้น

            ประธานาธิบดีมาวริซิโอ ฟูเนส แห่งเอลซัลวาดอร์แถลงว่า เศรษฐกิจเอลซัลวาดอร์ประจำปี 2554 จะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่า เศรษฐกิจของประเทศจะเติบโตได้ถึงร้อยละ 2.1 

            การปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นผลมาจากความเสียหายที่เกิดจากฝนตกหนักในช่วงเดือนที่ผ่านมา  ซึ่งได้สร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจเอลซัลวาดอร์แล้วเป็นมูลค่า 840 .4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับร้อยละ 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของเอลซัลวาดอร์  โดยล่าสุด นายฟูเนสกล่าวว่า เอลซัลวาดอร์ต้องใช้งบประมาณในการฟื้นฟูความเสียหายประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

            การปรับลดอัตราคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจครั้งนี้ เป็นการปรับลดครั้งที่สองในรอบปี ภายหลังจากที่เมื่อเดือนสิงหาคม 2554 เอลซัลวาดอร์ได้ประกาศปรับลดมาแล้วครั้งหนึ่งจากร้อยละ 2.5 มาเป็นร้อยละ 2 
ทั้งนี้ เมื่อปี 2553 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเอลซัลวาดอร์มีมูลค่า 21,795 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ที่มา www.elsalvador.com : วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554