เก็บตกข่าวเศรษฐกิจกว่างซีจ้วง

เก็บตกข่าวเศรษฐกิจกว่างซีจ้วง

วันที่นำเข้าข้อมูล 14 พ.ย. 2554

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 17 พ.ย. 2565

| 1,928 view

เก็บตกข่าวเศรษฐกิจกว่างซีจ้วง


สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
(
http://www.thaibizchina.com หรืออีเมล์ [email protected])


 
ภาพจาก www.google.com


             สัปดาห์นี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง ได้รวบรวมข่าวสารที่น่าสนใจของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มาฝากท่านผู้อ่าน ดังนี้

ปิดฉากงาน CAEXPO ครั้งที่ 8 พบกันใหม่ปีหน้า

             ปิดฉากลงแล้วอย่างงดงาม กับงานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน และงานประชุมหารือสุดยอดการค้าการลงทุนจีน-อาเซียน หรือ CAEXPO & CABIS ครั้งที่ 8 โดยประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น การจัดงาน มูลค่าการค้า และการลงทุน

             ในส่วนของการจัดงาน ปีนี้มีวิสาหกิจที่เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าจำนวนถึง 4,700 คูหา เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นคูหาของไทย 116 คูหา ขณะที่มีจำนวนผู้เข้าร่วมชมงาน 50,600 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.26

             ด้านมูลค่าการค้าภายในงานฯ ก็มีมากถึง 1,807 ล้านหยวน ซึ่งเพิ่มจากปีที่แล้วร้อยละ 5.6 ส่วนด้านการลงทุนก็คึกคักไม่แพ้กัน ทั้งโครงการความร่วมมือภายในประเทศ และระหว่างประเทศ โดยมีการลงทุนโครงการความร่วมมือภายในประเทศมี 102 โครงการ มูลค่า 73,110 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.39 ในขณะที่ การลงทุนโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศมี 105 โครงการ รวมมูลค่า 742 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.86 ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นโครงการความร่วมมือของจีนภายใต้ยุทธศาสตร์ ก้าวออกไป จำนวน 52 โครงการ มูลค่า 2,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.8

             นอกจากนี้ งานดังกล่าวยังประสบความสำเร็จในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และสามารถดึงดูดสื่อมวลชนให้เข้ามาร่วมงานได้อย่างล้นหลาม โดยปีนี้มีสื่อมวลชนเข้าร่วมทั้งหมด 275 สำนัก จำนวนผู้สื่อข่าว 1,738 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.19 และ 19.2 ในจำนวนนี้ เป็นผู้สื่อข่าวจากประเทศสมาชิกอาเซียน 69 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 20

             อย่างไรก็ตาม คณะผู้จัดงานฝากข่าวมาบอกว่าปีหน้า ได้กำหนดไว้ว่าจะจัดงาน มหกรรมแสดงจีน-อาเซียน (9th CAEXPO) ระหว่างวันที่ 19 - 24 ตุลาคม 2555 ภายใต้หัวข้อหลัก ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science and Technology Cooperation)

ที่มา: หนังสือพิมพ์ Southland Morning ประจำวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2011


แผนคุมกำเนิดใหม่ของกว่างซี เปิดโอกาสให้มีลูกคนที่สองง่ายขึ้น

             ทางการกว่างซีได้ปรับปรุงนโยบายการวางแผนครอบครัวและประชากรเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาระสำคัญของนโยบายดังกล่าว คือ การผ่อนปรนข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาการตั้งท้องที่สอง (สำหรับครอบครัวที่มีคุณสมบัติสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล) จากเดิมที่ต้องเว้นระยะห่างจากท้องแรกอย่างน้อย 4 ปีเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมแทน 

             ภายใต้นโยบายใหม่ หากครอบครัวใดมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ สามารถยื่นเรื่องกับหน่วยงานด้านประชากรและการวางแผนครอบครัวระดับอำเภอ เพื่อขออนุญาตตั้งท้องที่สองได้
             (1) สามีและภรรยาต่างเป็นลูกโทน 
             (2) สามีหรือภรรยาเป็นลูกโทนของวีรชน 
             (3) สามีหรือภรรยาเป็นทหารขั้น 5 ขึ้นไปที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือสามีภรรยาต่างเป็นทหารขั้น 6 ขึ้นไปที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ 
             (4) บุตรท้องแรกได้รับการวินิจฉัยจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากหน่วยงานด้านประชากรและการวางแผนครอบครัวระดับเมืองว่าป่วยหรือพิการ 
             (5) ตั้งท้องภายหลังได้รับการวินิจฉัยจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากหน่วยงานด้านประชากรและการวางแผนครอบครัวระดับเมืองว่าเป็นหมัน และรับบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายคนเดียวไปแล้ว 
             (6) สามีหรือภรรยาที่แต่งงานใหม่ โดยฝ่ายหนึ่งมีลูกคนเดียว และอีกฝ่ายไม่มีลูก 
             (7) สามีและภรรยาต่างเป็นชนชาติส่วนน้อยที่มีจำนวนไม่เกิน 10 ล้านคน 

             นอกจากนี้ นโยบายการคุมกำเนิดยังให้รางวัลสำหรับครอบครัวที่มีคุณสมบัติสอดคล้องตามข้อกำหนด เช่น การจ่ายเงินเกษียณเพิ่มจากเดิมร้อยละ 5 สำหรับครอบครัวที่ไม่มีบุตร หรือมีลูกคนเดียว หรือรับบุตรบุญธรรมถูกต้องตามกฎหมายคนเดียว การจ่ายเงินเกษียณเพิ่มจากเดิมร้อยละ 10 สำหรับครอบครัวที่มีคุณสมบัติสามารถมีลูกคนที่สองได้ แต่มีลูกเพียงคนเดียว

ที่มา: สำนักข่าวซินหัว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง


จีนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมในประเทศอาเซียน ผลักดันการก้าวออกไปของทุนจีน

             เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงเป็นทำเลทองของจีน ที่รัฐบาลเขตฯกว่างซีจ้วงกำลังเร่งผลักดันให้เศรษฐกิจและสังคมของกว่างซีเกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2563 กว่างซีจะมีวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศมากเป็นอันดับ 3 ของพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ

             เขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าในต่างประเทศ (Overseas Economic and Trade Cooperation Zone) จึงเป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญด้านการลงทุน ที่รัฐบาลจีนพร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้วิสาหกิจจีนขยายการลงทุนในต่างประเทศ

             ปัจจุบัน จีนจัดตั้งเขตความร่วมมือฯ ระดับชาติทั้งสิ้น 16 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก โดยมีอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศเป้าหมายหลัก มีทั้งหมด 5 แห่ง ประกอบด้วย เขตเศรษฐกิจพิเศษท่าเรือสีหนุในกัมพูชา นิคมอุตสาหกรรมระยองไทย-จีน นิคมอุตสาหกรรมหลงเจียงในเวียดนาม เขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้า(ไฮฟอง-เซินเจิ้น) เวียดนาม จีน และเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าจีน อินโดนีเซีย

             กรมความร่วมมือ กระทรวงพาณิชย์จีน ให้ข้อมูลว่า จนถึงปลายเดือนสิงหาคม 2554 เขตความร่วมมือฯ 5 แห่งในประเทศสมาชิกอาเซียนมีวิสาหกิจเข้าไปจัดตั้งธุรกิจแล้ว 68 ราย มูลค่าการลงทุนตามสัญญา 1,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าการลงทุนจริง 419 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

             ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า เขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าในต่างประเทศเป็นเวทีสำคัญของวิสาหกิจจีนในการก้าวสู่อาเซียนนั่นเอง

ที่มา: สำนักข่าวซินหัว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง


ติดตามความเคลื่อนไหวรายมณฑลของจีนทุกวันได้ที่ www.thaibizchina.com และขอรับ e-news letter ฟรีที่ [email protected]