เกาะติดเศรษฐกิจฝูเจี้ยนที่น่าสนใจรอบสัปดาห์

เกาะติดเศรษฐกิจฝูเจี้ยนที่น่าสนใจรอบสัปดาห์

วันที่นำเข้าข้อมูล 9 พ.ย. 2554

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 1,898 view

เกาะติดเศรษฐกิจฝูเจี้ยนที่น่าสนใจรอบสัปดาห์

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเซี่ยเหมิน


Sinopec ประกาศทุ่มแสนล้านลงทุนในฝูเจี้ยน

 

     Sinopec รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของจีนได้เปิดเผยถึงการลงนามร่วมกับรัฐบาลมณฑลมณฑลฝูเจี้ยนในแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในช่วง 10 ปีต่อจากนี้ โดยตั้งเป้าจะใช้งบประมาณถึงกว่า 100,000 ล้านหยวน  โดย Sinopec จะให้การช่วยเหลือกลุ่ม Fujian Lianhe Petrochemical ในด้านปัญหาทางเทคนิคในโรงงานผลิตเอทิลีน การเพิ่มความสามารถในการผลิตในโรงกลั่นน้ำมันของ Sinopec Fujian Refinery Industry และ Gulei Refinery Industry รวมถึงขยายเครือข่ายช่องทางการจำหน่ายน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย โดยนายซู ซู่หลิน ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยนกล่าวว่า อุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะกลายเป็น 1 ใน 3 อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์หลักของมณฑล 
    Sinopec* นับเป็นวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่สุดของจีน มีรายได้จากการดำเนินงานในปี 2553 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.39 ล้านล้านหยวน และจากการจัดอันดับบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยนิตยสาร Fortune ประจำปี 2553 ปรากฏว่า Sinopec ได้รับการจัดให้อยู่ในลำดับที่ 7 ปัจจุบัน Sinopec มีการขยายการลงทุนไปยังหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกา ทั้งนี้ 3 อุตสาหกรรมยุทธศาตร์หลักของมณฑลฝูเจี้ยนที่ถูกกล่าวถึงข้างต้น ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมปิโครเคมี และอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักร

 

ที่มา : www.whatsonxiamen.com วันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2011

 

เปิดแล้วสวนอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์แห่งแรกของฝูเจี้ยน

 

     มณฑลฝูเจี้ยนได้เปิดตัวสวนอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ภายใต้ชื่อ The Cross Straits Film & TV Cultural and Creative Industrial Park ขึ้นอย่างเป็นทางการที่นครฝูโจว เมืองเอกของมณฑลฝูเจี้ยน
     โครงการนี้ถือเป็นโครงการสวนอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งแรกในมณฑลฝูเจี้ยน โดยมีเป้าหมายจะให้เป็นสถานีหลักในการดึงดูดการลงทุนรวมถึงความรู้ความสามารถจากพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนและร่วมมือระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
      ทั้งนี้ Fujian Media Group เป็นหน่วยงานหลักที่จะทำหน้าที่ถ่ายโอนและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่เดิมเพื่อสร้างให้สวนฯ แห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีอนาคตมากที่สุดแห่งคตวรรษที่ 21
      ปัจจุบันทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก เนื่องจากเชื่อว่าเป็นวิธีการสร้างความแตกต่างและมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการได้อย่างยั่งยืน ซึ่งประเทศไทยเองก็กำลังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมประเภทนี้โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวนโยบาย เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) จึงเป็นโอกาสดีที่จะสามารถใช้โอกาสที่จีนกำลังให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ในการที่จะแลกเปลี่ยนหรือเผยแพร่สินค้าและบริการในเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวจีนมากขึ้นได้

 

ที่มา : www.whatsonxiamen.com วันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 2011

 

ฝูเจี้ยนเผยโครงการพัฒนากิจการสื่อสารและโทรคมนาคม

 

      เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา สำนักงานควบคุมดูแลกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมแห่งมณฑลฝูเจี้ยน ได้เปิดเผยถึงแผนพัฒนากิจการสื่อสารและโทรคมนาคมของมณฑลภายในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ปี (2554 2558) ฉบับที่ 12 ว่า จะมุ่งเน้นการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผ่าน 10 โครงการสำคัญ อาทิ การปรับปรุงเครือข่ายการสื่อสารยุคใหม่ การเพิ่มการใช้ประโยชน์จาก E Commerce และ E Government การจัดตั้งศูนย์จัดการข้อมูลระบบอินเตอร์เน็ตส่วนกลาง การจัดตั้งฐานปฏิบัติการเกม แอนิเมชั่น และเทคโนโลยี 3G การจัดตั้งศูนย์รักษาความปลอดภัยของข้อมูลของเขตเศรษฐกิจชายฝั่งตะวันตกช่องแคบไต้หวัน (ห่ายซี) และการส่งเสริมความร่วมมือด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนกับไต้หวัน เป็นต้น 
      ทั้งนี้ ทางสำนักงานฯ ระบุว่าจะมีการใช้งบประมาณสำหรับการลงทุนในในโครงการต่างๆ ประมาณ 600 ล้านหยวนตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีถัดจากนี้ โดยตั้งเป้าให้เมื่อถึงปี 2558 รายได้รวมของกิจการสื่อสารและโทรคมนาคมของทั้งมณฑลจะต้องมีค่ามากกว่า 500 ล้านหยวน คิดเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราประมาณร้อยละ 9 ต่อปี นอกจากนี้ยังได้ตั้งเป้าให้มีจำนวนผู้ขอใช้บริการหมายเลขโทรศัพท์ทั้งมณฑลรวมไม่น้อยกว่า 50 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์มือถือ 40 ล้านเลขหมาย ส่วนผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตจะต้องมีมากกว่า 45 ล้านราย โดยร้อยละ 80 เป็นการใช้บริการผ่านระบบโทรศัพท์มือถือ และความยาวรวมของเครือข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงของทั้งมณฑลจะต้องเกินกว่า 650,000 กิโลเมตร
      ยุคนี้ถือได้ว่าเป็นยุคสมัยแห่งการสื่อสารไร้พรมแดนอย่างแท้จริง ทั้งนี้เทคโนโลยีในการสื่อสารของจีนก็นับได้ว่ามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้ก็ได้ถูกนำมาใช้ในวงการธุรกิจและการค้าอย่างกว้างขวางด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการชาวไทยที่สนใจจะทำธุรกิจเกี่ยวกับประเทศจีนจึงควรจะต้องศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการทำธุรกิจอยู่เสมอเป็นต้นว่า ขณะนี้การทำประชาสัมพันธ์ ช่องทางการจัดจำหน่าย หรือวิธีการชำระเงินแบบใดที่กำลังเป็นที่นิยม จะได้สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และที่สำคัญยังต้องติดตามข่าวสารที่เกี่ยวกับกรณีการถูกโกง ถูกหลอกจากการทำธุรกรรมผ่านช่องทางการสื่อสารยุคใหม่ด้วย เพื่อจะได้สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันขึ้นกับธุรกิจของตนเอง

 

ที่มา : www.fj.chinanews.com วันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 2011

 

4 เมืองในฝูเจี้ยนติด 100 อันดับเมืองแห่งการพาณิชย์ที่ดีที่สุดของจีนแผ่นดินใหญ่

 

      นิตยสาร Forbes China ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับ 100 เมืองแห่งการพาณิชย์ที่ดีที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ ปรากฏว่านครกวางเจาของมณฑลกวางตุ้งยังคงรั้งอันดับที่ 1 เช่นเดียวกับปีก่อน ในขณะที่เมืองเซินเจิ้นและนครหังโจวได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 2 ร่วม
      ทั้งนี้ การจัดอันดับดังกล่าวเป็นการพิจารณาจาก 8 ตัวชี้วัด อาทิ ทักษะความสามารถของทรัพยากรบุคคล ขนาดของเมือง ตลาดการบริโภค ระบบการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า ต้นทุนในการดำเนินงาน และศักยภาพด้านนวัตกรรม เป็นต้น
สำหรับมณฑลฝูเจี้ยนมีเมืองที่ติดอยู่ในการจัดอันดับครั้งนี้รวม 4 เมือง ได้แก่ เมืองเฉวียนโจวในอันดับที่ 23 นครฝูโจวในอันดับที่ 24 เมืองเซี่ยเหมินในอันดับที่ 25 และเมืองจิ้นเจียงในอันดับที่ 96 โดยนครฝูโจวได้รับคะแนนค่อนข้างสูงในด้านทักษะความสามารถของทรัพยากรบุคคล ส่วนเมืองเซี่ยเหมินได้รับคะแนนค่อนข้างสูงในด้านตลาดการบริโภค ระบบการขนส่งผู้โดยสาร และต้นทุนในการดำเนินงาน
      มณฑลฝูเจี้ยนถือเป็นเมืองหน้าด่านทางการค้าและการลงทุนที่สำคัญระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับไต้หวัน หลังจากที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความตึงเครียดทางการเมืองในพื้นที่ช่องแคบไต้หวันได้มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนกับไต้หวันดีขึ้นตามลำดับ จะเห็นได้จากความร่วมมือต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมากมายส่งผลให้เกิดการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งมณฑล ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศการค้าและการลงทุนที่ดีให้กับเมืองต่างๆ ในมณฑลฝูเจี้ยน

 

ที่มา : www.whatsonxiamen.com วันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ.2011

 

3 ไตรมาสแรกราคาบ้านในเซี่ยเหมินพุ่งแตะระดับ 14,238 หยวน/ตารางเมตร


      สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า ในช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปี 2554 นี้ราคาบ้านในเมืองเซี่ยเหมินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในบรรดา 20 เมืองใหญ่ทั่วจีน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27.76 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ราคาเฉลี่ยปัจจุบันมีค่าอยู่ที่ 14,238 หยวนต่อตารางเมตร
      ทั้งนี้ ผลการสำรวจระบุว่า ช่วงเดือนมกราคม กันยายน ของปีนี้ ระบุว่า ภาพรวมของตลาดซื้อขายบ้านใน 20 เมืองใหญ่ทั่วจีนมีแนวโน้มปรับตัวลดลงทั้งในส่วนของยอดการซื้อขายรวมและราคาบ้าน โดยในส่วนของยอดซื้อขายรวมพบว่าใน 13 เมืองมีการปรับตัวลดลงและ 7 เมืองมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงเมืองเซี่ยเหมินด้วยที่มียอดซื้อขายรวมตลอด 9 เดือนอยู่ที่ 16,110 ยูนิต คิดเป็นพื้นที่ 1,879,600 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 15.83
      ส่วนในด้านของราคา ในขณะที่ราคาบ้านโดยเฉลี่ยใน 20 เมืองใหญ่มีแนวโน้มลดลงแต่ราคาบ้านเฉลี่ยของเมืองเซี่ยเหมินกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนไปอยู่ที่ 14,238 หยวนต่อ ตารางเมตร ซึ่งถือได้ว่ามีความใกล้เคียงกับราคาบ้านเฉลี่ยในปัจจุบันของนครเซี่ยงไฮ้ที่มีค่าอยู่ที่ 14,780 หยวนต่อตารางเมตร โดยเกี่ยวกับกรณีนี้ผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่า เมืองเซี่ยเหมินถือเป็นเมืองในระดับชั้นที่ 2 (Second Tier City) ซึ่งผลตอบสนองต่อนโยบายจำกัดการซื้อบ้านจะปรากฏช้ากว่าเมืองในระดับชั้นที่ 1 (First Tier City) อย่างไรก็ดีเชื่อว่าแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาบ้านในเมืองเซี่ยเหมินจะดำรงอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากปัจจุบันมีอุปทานบ้านใหม่อยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าผลจากการแข่งขันเพื่อกระตุ้นยอดขายจะทำให้ราคาสามารถปรับตัวลดลงได้ในอนาคตอันใกล้
      มาตรการจำกัดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ทำให้ราคาบ้านในเมืองใหญ่ของจีนโดยเฉลี่ยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี อย่างไรก็ดีในราคาบ้านของเมืองในระดับชั้นที่ 2 และ 3 ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทางรัฐบาลกลางโดยนายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีก็ได้ออกมากล่าวถึงแนวโน้มดังกล่าวไปเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า จะมีการบังคับใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้มากยิ่งขึ้นในเมืองระดับรอง ไม่ว่าจะเป็นด้านนโยบายเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย นโยบายภาษี หรือการจำกัดจำนวนการซื้อสำหรับคนที่มีบ้านหลังแรกแล้ว เป็นต้น

 

ที่มา : www.whatsonxiamen.com วันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2011