วันที่นำเข้าข้อมูล 13 มิ.ย. 2554
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 15 พ.ย. 2565
เกาะติดเศรษฐกิจแดนมังกร
จาก สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเซี่ยเหมิน
(http://www.thaibizchina.com/ หรืออีเมล์ [email protected])
ภาพจาก www.google.com
ท่านใดที่ได้ติดตามข่าวสารของเว็บไซต์ของเราเป็นประจำ คงจะทราบดีถึงนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาประเทศแบบรอบด้านและครบวงจร โดยสนับสนุนและผลักดันมณฑลและเมืองต่างๆ ของจีนในการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและสาธารณูปโภคต่างๆ ให้ก้าวทันความเติบโตของเมืองหลวง อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ มลฑลฝูเจี้ยนและมลฑลเจียงซีเป็นอีกสองมณฑลที่เดินหน้าพัฒนามณฑลของตนเพื่อก้าวสู่ศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจในอนาคต สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเซี่ยเหมิน จึงส่งรายงานข่าวที่น่าสนใจมาอัพเดทความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจของทั้งสองมณฑลมาให้แก่ท่านผู้อ่านกัน ดังนี้
มณฑลฝูเจี้ยน
แกะกล่องเส้นทางขนส่งทางทะเลแห่งใหม่เชื่อมฝูโจว-อเมริกา
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเส้นทางขนส่งทางทะเลเส้นทางใหม่ระหว่างนครฝูโจวกับสหรัฐอเมริกาฝั่งตะวันตกอย่างเป็นทางการ ณ ท่าเรือฝูโจว ซึ่งถือเป็นเส้นทางขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศที่เปิดใหม่เป็นเส้นทางที่ 2 ในปีนี้ของท่าเรือฝูโจว โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัท Maersk ได้ทำการเปิดเส้นทางขนส่งระหว่างท่าเรือฝูโจวกับแอฟริกาตะวันตก
การเปิดเส้นทางใหม่ดังกล่าวเป็นความร่วมมือของบริษัท Cosco, Hanjin, Pacific และ Wanhai โดยจะให้บริการเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 5 ลำ สามารถรองรับตู้ขนาดมาตรฐานได้ลำละ 4,250 TEU โดยจะมีเรือออกจากท่าเรือฝูโจวเป็นประจำทุกสัปดาห์ สำหรับท่าเรือที่จะเข้าจอดรับ-ส่งสินค้าในเส้นทางนี้ได้แก่ ท่าเรือฝูโจว ท่าเรือหนิงโป ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ และท่าเรือลองบีชในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ที่ต้องการขนส่งสินค้าระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนกับทวีปอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดการค้าต่างประเทศที่สำคัญของมลฑลฝูเจี้ยน โดยปีที่ผ่านมา มลฑลฝูเจี้ยนและสหรัฐอเมริกามีการนำเข้าส่งออกสินค้าคิดเป็นร้อยละ 18 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของมลฑลฝูเจี้ยน โดยประเภทสินค้าสำคัญที่มลฑลฝูเจี้ยนส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า รองเท้า เฟอร์นิเจอร์และเครื่องเคลือบดินเผา
ที่มา: www.fh.chinanews.com วันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2011
ฝูเจี้ยนออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าตามเงื่อนไข ECFA ไปแล้ว 191 รายการในไตรมาสแรก
สำนักงานตรวจสอบและรับรองสินค้าเมืองเซี่ยเหมิน รายงานว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มณฑลฝูเจี้ยนได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin)* ให้แก่สินค้าส่งออกตามเงื่อนไข ECFA (Economic Cooperation Framework Agreement) แล้วเป็นจำนวนรวม 191 รายการ ในจำนวนนี้140 รายการออกโดยสำนักงานตรวจสอบและรับรองสินค้าเมืองเซี่ยเหมิน และอีก 51 รายการ ออกโดยสำนักงานตรวจสอบและรับรองสินค้ามลฑลฝูเจี้ยน สินค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับรองแหล่งกำเนิดเพื่อส่งออกตามเงื่อนไข ECFA ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ให้กลิ่นหอม ผลิตภัณฑ์หนังสังเคราะห์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเย็บปักถักทอ รถจักรยานและส่วนประกอบ ไม้กวาดและแปรงพลาสติก รวมทั้งสิ้นกว่า 30 ชนิด คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขนาดการได้ลดภาษีมีตั้งแต่ร้อยละ 2.5 ถึงร้อยละ 5 คิดเป็นมูลค่าของสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับเป็นจำนวนเงินรวม 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ สำนักงานตรวจสอบและรับรองสินค้าเมืองเซี่ยเหมินยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรอบความตกลง ECFA ส่งผลดีต่อการค้าระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ขณะนี้สำนักงานในพื้นที่จางโจว ไห่ชาง
เซี่ยงหยู่ จี้หลินและต้าเติ้งต่างก็ได้มีการเปิดช่องให้บริการพิเศษสำหรับสินค้าที่จะทำการส่งออกภายใต้เงื่อนไข ECFA มีบริการสายด่วนทางโทรศัพท์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ECFA และมีการให้สิทธิพิเศษในการตรวจสอบสินค้า ECFA ก่อนสินค้าอื่นๆ ดังนั้น จึงน่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการใช้ประโยชน์ทางอ้อมจากกรอบความตกลงนี้ โดยอาจอาศัยความสัมพันธ์อันดีที่มีมายาวนานกับธุรกิจจากไต้หวันในการป้อนวัตถุดิบหรือแรงงานสำหรับการผลิตสินค้าหรือบริการต่างๆที่จะส่งไปยังตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ภายใต้กรอบความตกลงดังกล่าว
ที่มา: www.fj.chinanews.com วันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 2011
* หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) เป็นเอกสารที่แสดงว่าสินค้ามีแหล่งกำเนิดจากประเทศใด เพื่อให้ผู้ส่งออกใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ของประเทศผู้นำเข้าก่อนการนำเข้าสินค้าตามระเบียบหรือเงื่อนไขที่ประเทศผู้นำเข้ากำหนด นอกจากนี้ หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้ายังเป็นเอกสารเพื่อประกอบการขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศผู้นำเข้าอีกด้วย (ข้อมูลจาก www.ryt9.com)
มาเก๊าตื่นเต้นหลังเปิดรถไฟเร็วสุงเซี่ยเหมิน-เซินเจิ้น คาดเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
ปัจจุบัน บรรดาธุรกิจท่องเที่ยวมาเก๊าต่างพุ่งความสนใจไปยังตลาดนักท่องเที่ยวจากมณฑลฝูเจี้ยน เนื่องจากคาดกาณ์รว่าการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมระหว่างเมืองเซี่ยเหมินในมณฑลฝูเจี้ยนและเมืองเซินเจิ้นในมณฑลกวางตุ้งช่วงปลายปีนี้จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากมณฑลฝูเจี้ยนเดินทางมามาเก๊าเพิ่มมากขึ้น โดยรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวมีเส้นทางไปยัง 3 เขตเศรษฐกิจพิเศษสำคัญได้แก่ เซี่ยเหมิน ซัวเถา และเซินเจิ้น ใช้เวลาเดินทางเพียง 3 ชั่วโมง ทั้งนี้ รถไฟความเร็วสูงดังกล่าวถือได้ว่าเป็น เส้นทางแห่งความมั่งคั่ง เส้นทางหนึ่งของพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งจะช่วยทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวยังฮ่องกงและมาเก๊าของนักท่องเที่ยวจากมลฑลฝูเจี้ยนได้รับความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นมาก นอกไม่เพียงเท่านั้น โครงการเส้นทางท่องเที่ยวทางเรือ ฮ่องกง (มาเก๊า) ไต้หวัน เซี่ยเหมิน ก็กำลังจะเปิดให้บริการเร็วๆนี้ อีกด้วย
ท่านทราบไหมว่า ? นักท่องเที่ยวจากมณฑลชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เช่น มณฑลฝูเจี้ยนและมณฑลกวางตุ้ง ถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายได้ค่อนข้างสูง ดังนั้น เมื่อนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักเหล่านี้เดินทางออกไปท่องเที่ยวก็จะมีการใช้จ่ายมากมาย ดังนั้น ธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการระดับบนของไทยน่าที่จะสรรหาวิธีการต่างๆในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาซื้อสินค้าและบริการให้มากขึ้น เพื่อเป็นการขยายตลาดใหม่ๆ ในอนาคตได้
ที่มา: www.fj.chinanews.com วันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2011
มลฑลเจียงซี
ผู้นำเจียงซีเผยใช้ยุทธศาสตร์ ก้าวออกไป เป็นหลักในการพัฒนา
เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา รัฐบาลมณฑลเจียงซีได้จัดการเสวนาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนามณฑลเจียงซี โดยนายอู๋ ซินสง ผู้ว่าการมณฑลฯ ได้กล่าวถึง การใช้ยุทธศาสตร์ ก้าวออกไป เป็นหลักในการพัฒนาและได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทุ่มเทความสามารถเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของมณฑลให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ภายใต้ระบบเศรษฐกิจโลกที่มีความเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว มลฑลเจียงซีจะต้องใช้นโยบายยุทธศาสตร์ดังกล่าวเป็นหลักในการพัฒนา โดยจะต้องใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทั้งจากภายในและนอกประเทศ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งเสริมเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สนับสนุนโครงการความร่วมมือกับหน่วยงานจากนอกมลฑลในทุกด้าน อาทิ ด้านการเงิน ด้านอุตสาหกรรม ด้านวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ ในปี 2553 ที่ผ่านมา มลฑลเจียงซีมีมูลค่ารวมของโครงการร่วมมือกับต่างชาติมีค่าถึงกว่า 1.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและมีมูลค่าของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ในช่วง 2 ปี ล่าสุดกว่า 213 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา: www.jx.xinhuanet.com วันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 2011
หนานชางใจดีทุ่มแจกเงินรางวัล 3 แสนหยวน หนุนธุรกิจ SME
เมืองหนานชาง เมืองหลวงของมณฑลเจียงซี วางแผนจะลงทุน 16 ล้านหยวนในปี 2554 เพื่อดำเนินโครงการส่งเสริมธุรกิจ SME โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์บริการสำหรับธุรกิจ SME การจัดฝึกอบรมต่างๆ ภายใน 3 ปี การจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กที่ยังอยู่ในระยะเริ่มก่อตั้งของนครหนานชาง โครงการแจกเงินรางวัล 3 แสนหยวนให้แก่ธุรกิจที่สามารถสร้างตราสินค้าจนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ ทั้งนี้ หน่วยงานที่ดูแลด้านธุรกิจ SME ของนครหนานชางระบุว่า จะต้องเริ่มจากการลดภาระของผู้ประกอบการให้น้อยลง เพิ่มความโปร่งใสและตัดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นในการดำเนินกระบวนการต่างๆ ขจัดปัญหาเรื่องตัวแทนหรือนายหน้าและการเรียกเก็บค่าสินบนในขั้นตอนต่างๆ ออกให้หมดเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งหากธุรกิจ SME ไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างมีเสถียรภาพก็จะส่งผลให้ขาดหลักประกันในการจ้างงาน ขณะเดียวกัน แม้ว่าปัจจุบันธนาคารหลายแห่งในนครหนานชางจะมีการจัดตั้งแผนกสินเชื่อสำหรับธุรกิจ SME ขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาทางการเงินให้แก่ธุรกิจ SME ได้อย่างครอบคลุม ดังนั้น นครหนานชางควรจะต้องมีการจัดตั้งระบบซื้อขายตราสารทางการเงินและก่อตั้งสถาบันการเงินขนาดเล็กระดับชุมชน ตำบล หมู่บ้าน เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกและสร้างหลักประกันทางการเงินให้แก่ธุรกิจ SME
ทั้งนี้ โครงการเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนระยะยาวในการส่งเสริมธุรกิจ SME โดยภายในปี 2558 ธุรกิจ SME ที่มีผลประกอบการดีและความสามารถในการแข่งขันเป็นเลิศจำนวน 500 ราย จะได้รับคัดเลือกให้เป็นกลุ่มธุรกิจตัวอย่างของเมือง ซึ่งจะทำให้ในอนาคตธุรกิจเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนในด้านต่างๆเป็นพิเศษจากรัฐบาลต่อไป โดยนโยบายส่งเสริมธุรกิจ SME ของนครหนานชางนี้นับเป็นวิธีการช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจ SME ซึ่งถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีต้นกำเนิดมาจากความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริงให้ได้มีหนทางในการพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพ จนอาจเกิดเป็นเครือข่ายทางธุรกิจในระดับชาติและระดับนานาชาติได้ต่อไป
ที่มา: www.jx.xinhuanet.com วันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 2011
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)