รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจเนปาลประจำไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๕๕

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจเนปาลประจำไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๕๕

วันที่นำเข้าข้อมูล 12 ธ.ค. 2555

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 2,344 view

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจเนปาลประจำไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๕๕


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected] หรือ [email protected]

 

            เนปาลเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยวไทยให้ความสนใจไปเที่ยวด้วยความโดดเด่นด้านทัศนียภาพของเทือกเขาเอเวอร์เรสต์และความหลากหลายด้านวัฒนธรรม โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชนไทยเดินทางไปลุมพินีซึ่งเรามีวัดไทยแห่งแรกในเนปาลปีนึงจำนวนไม่น้อย

           เรามารู้จักเนปาลในแง่เศรษฐกิจกันบ้าง  กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเนปาล ประจำไตรมาสที่ ๓ ของปี ๒๕๕๕ ดังนี้

           เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของเนปาล เพิ่มขึ้นจาก ๒๑๓.๑ พันล้านรูปี เป็น ๓๗๕.๕๒ ล้านรูปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗๖.๒ โดยมีอัตราเงินเฟ้อลดลงจากร้อยละ ๙.๖ ในปีก่อน เหลือเพียงร้อยละ ๘.๓ ในส่วนของการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment - FDI) ลดลงจาก ๑๐.๐๕ พันล้านรูปีเนปาล เหลือเพียง ๗.๑๔ พันล้านรูปีเนปาล ในขณะที่ Real GDP มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๔.๖ จากปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ ๓.๙ ทั้งนี้ สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมประเทศเนปาล (Federation of Nepalese Chambers of Commerce and Industry - FNCCI) เริ่มดำเนินการ roadshow ไปต่างประเทศ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก โดยการชักชวนให้นักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในสาขาที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการของเนปาล ได้แก่ ด้านไฟฟ้าพลังน้ำ ท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการเกษตร

           ในแง่ของการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวของเนปาลได้ประกาศเป้าหมายเพื่อส่งเสริมปีแห่งการท่องเที่ยวเมืองลุมพินี (Visit Lumbini Year 2012) โดยจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้เป็น ๒ ล้านคนในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ จากในปี ๒๐๑๒ ที่มีอยู่ ๑ ล้านคน เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและเศรษฐกิจ รวมไปถึงมุ่งหวังการจ้างงานในสาขาการท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น ๑ ล้านคนอีกด้วย จากสถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเนปาลนั้น เป็นชาวอินเดียมากที่สุด ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนมีอัตราการเติบโตสูงมากที่สุด นอกจากนี้รัฐบาลเนปาลยังอนุมัติให้สายการบิน BB ซึ่งเป็นสายการบินใหม่ เปิดเส้นทางการบินไปยัง กรุงเทพ กัวลาลัมเปอร์ นิวเดลี โดฮา ฮ่องกง สิงคโปร์ และโตเกียว รวม ๗ เส้นทางการบิน ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา

           ในแง่ของความช่วยเหลือจากต่างประเทศนั้น เนปาลได้รับเงินช่วยเหลือจาก The Asian Development Bank (ADB) รัฐบาลญี่ปุ่น รัฐบาลเยอรมนี และองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อนำไปใช้ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โครงการป้องกันภัยพิบัติ โครงการพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน การปฏิรูปสาธารณสุข และกระบวนการสันติภาพ (Peace Process) รวมทั้งสิ้นเป็นเงินกว่า ๑๖๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ

           ธนาคารกลางเนปาลรายงานว่า เนปาลมีมูลค่าการส่งออกสินค้า ๗๔.๒๖ พันล้านรูปีเนปาล ซึ่งขยายตัวร้อยละ ๑๕.๔ เป็นผลมาจากการอ่อนค่าลงของเงินรูปีเนปาล ในขณะที่มีมูลค่าการนำเข้า ๔๖๑.๖๗ พันล้านรูปี เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖.๕ แต่กลับเป็นการนำเข้าสินค้ามูลค่าสูงอย่างเช่น รถยนต์ ซีเมนต์ ลดลง โดยภาพรวมแล้วเนปาลขาดดุลเพิ่มร้อยละ ๑๖.๗ โดยมีอินเดียเป็นคู่ค้าสำคัญ

           ปัจจุบัน เนปาลพยายามพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานภายในประเทศ อย่างเช่นไฟฟ้า โดยมีความพยายามจะทำบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับจีนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า หรือการกู้เงินจากคูเวตและซาอุดีอาระเบีย เพื่อนำมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในส่วนของการคมนาคม รัฐบาลเนปาลก็ได้ลงนาม MoU กับเอกชน สำหรับการสร้างโครงการทางด่วนกาฐมาณฑุ-ทารัย ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการเดินทางลงถึง ๗-๘ เท่าเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันรัฐบาลเนปาลก็ขอให้รัฐบาลจีนช่วยเรื่องการขยายสนามบินโภคราให้กลายเป็นสนามบินนานาชาติ หลังจากที่บริษัทเอกชนของจีนเสนอราคาที่สูงเกินไป ในขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียเริ่มกระบวนการเปิดประมูลการพัฒนาและขยายเส้นทางรถไฟภายในประเทศด้วย

           ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลเนปาลได้ออกระเบียบให้แรงงานเนปาลที่จะไปทำงานต่างประเทศต้องมีสัญญาจ้างงานเป็นภาษาเนปาลด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการใช้เอกสารปลอม โดยปัจจุบันมีแรงงานเนปาลที่ไปทำงานต่างประเทศอยู่ประมาน ๕ แสนคน