“สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง” โอกาสใหม่ของธุรกิจไทยในเวียดนาม

“สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง” โอกาสใหม่ของธุรกิจไทยในเวียดนาม

วันที่นำเข้าข้อมูล 7 ธ.ค. 2559

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 3,882 view

 

“สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง” โอกาสใหม่ของธุรกิจไทยในเวียดนาม

          ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับการจับตามองจากนักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นตลาดใหม่ในภูมิภาคอินโดจีนที่มีเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเกิดการหลั่งไหลของการเข้าไปลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญต่าง ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อาหารแปรรูป สิ่งทอ เกษตรกรรม และยางรถยนต์ อีกหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์ใหม่ที่รัฐบาลเวียดนามพยายามเร่งส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ คือ “จังหวัดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง” หรือ “Mekong Delta” ซึ่งถือเป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญของเวียดนาม โดยรัฐบาลเวียดนามมุ่งหวังที่จะเพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีจากต่างชาติในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อเป็นตัวช่วยในการเพิ่มมูลค่าสินค้าและจำนวนผลผลิตของสินค้าเกษตรที่เพาะปลูกในพื้นที่

          จังหวัดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงครอบคลุม 13 จังหวัดในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงทางภาคใต้ของเวียดนาม เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนเนื่องจากยังมีปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศน้อยกว่าบริเวณอื่น ๆ ผนวกกับศักยภาพทางการผลิตสูง แรงงานคุณภาพในพื้นที่และค่าจ้างแรงงานในระดับต่ำ การเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบทางด้านการเกษตร รวมทั้งความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมขนส่งที่มีเส้นทางหลักเชื่อมโยงพื้นที่ Mekong Delta สู่นครโฮจิมินห์ ซึ่งถือเป็นตลาดหลักสำหรับสินค้าภายในประเทศ ขณะเดียวกัน พื้นที่ดังกล่าวยังได้รับการส่งเสริมการลงทุนโดยหน่วยงานภาครัฐท้องถิ่นที่ตั้งเป้าให้เวียดนามเป็นศูนย์กลางของธุรกิจเริ่มต้น (Startup) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร การแปรรูปอาหารและเครื่องสำอาง ในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอีกด้วย

          ช่วงเดือน ม.ค.- ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา จังหวัดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงดึงดูดการลงทุนต่างชาติ (FDI) โดยเฉพาะด้านการเกษตร จำนวน 50 โครงการ มูลค่ารวม 209 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,460 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศรวมทุกภาคอุตสาหกรรมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 มีมูลค่าประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 57,120 ล้านบาท จึงนับเป็นสัดส่วน 10% ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมดของประเทศ

          ปัจจุบันภาคเอกชนไทยลงทุนในเวียดนามมากเป็นอันดับที่ 11 ของนักลงทุนต่างชาติ โดยมีการลงทุนในกลุ่มจังหวัดบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในหลายสาขา ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และประมง ที่ใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบในพื้นที่ อาทิ การทำน้ำมะพร้าวและกะทิ การทำฟาร์มกุ้งและฟาร์มปลา โดยในระยะหลังกลุ่มผู้ประกอบการ SME ของไทย โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมและประมง จากจังหวัดในบริเวณภาคกลางตอนกลาง ได้แก่ ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก และสมุทรปราการ ได้เดินทางไปหาพันธมิตรทางธุรกิจในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมากขึ้น เพื่อหาวัตถุดิบทางการเกษตรนำกลับมาแปรรูปที่ไทย

          นับว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยในธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่จะเริ่มศึกษาโอกาสทางการลงทุนในพื้นที่นี้ หลังจากที่มีบริษัทเอกชนรายใหญ่ของไทยและของเกาหลีใต้ เช่น CP และ CJ นำร่องขยายการลงทุนในส่วนของฟาร์มไก่ในบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของเวียดนามแล้ว ซึ่งมีแนวโน้มมูลค่าการลงทุนสูงแซงบริษัท Emivest ของอินโดนีเซีย และบริษัท Japfa ของมาเลเซีย ดังนั้น จึงเป็นความได้เปรียบของผู้ประกอบการไทยหากจะสำรวจโอกาสการค้า การลงทุนในพื้นที่นี้ เพราะมีตัวอย่างความสำเร็จทั้งจากบริษัทเอกชนรายใหญ่และรายย่อยของไทยเป็นต้นแบบให้แล้ว