วันที่นำเข้าข้อมูล 15 ก.พ. 2560
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
บราซิล ประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ บวกกับจำนวนประชากรอันดับ 5 และขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของโลก มูลค่า GDP กว่า 3.26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 115.7 ล้านล้านบาท ด้วยความโดดเด่นทางด้านพื้นที่ทำให้บราซิลเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ และครองตำแหน่งผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก ได้แก่ น้ำตาล ถั่วเหลือง เนื้อวัว อ้อย และกาแฟ ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่นำเข้าสินค้าทางการเกษตรจากบราซิลโดยเฉพาะพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช รวมทั้งสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เพื่อเป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม โดยในปี 2559 ไทยมีมูลค่า การนำเข้าสินค้า 2 ประเภทนี้จากบราซิลกว่า 54,000 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับบราซิล ในปี 2558 ต่อเนื่องปี 2559 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 3,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 129,200 ล้านบาท
“น้ำตาล” สินค้าเกษตรที่โดดเด่นของบราซิล ประเทศที่มีวัฒนธรรมและความเชี่ยวชาญในการปลูกอ้อยเพื่อการเกษตรมาเป็นเวลาช้านาน ปัจจุบัน บราซิลผลิตน้ำตาลและส่งออกน้ำตาลได้เป็นอันดับที่ 1 ของโลก โดยเคยผลิตได้สูงสุดถึง 37 ล้านตันต่อปี และตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตน้ำตาลให้ได้ถึง 48 ล้านตันในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ของประเทศนับว่ามีศักยภาพในการผลิตสูงสุด ซึ่งผลผลิตน้ำตาลราว 50% ของประเทศนั้นมาจากรัฐเซาเปาลู
อย่างไรก็ดี ในช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมน้ำตาลของบราซิลประสบปัญหาราคาตกต่ำเพราะผลผลิตล้นตลาด ทำให้โรงงานผลิตน้ำตาลในบราซิลต้องปิดกิจการไปแล้วกว่า 47 แห่ง ทั้งยังประสบปัญหาในการกู้ยืมเงินจากธนาคาร แต่ในปี 2558-2559 เกษตรกรชาวไร่อ้อยและผู้ผลิตน้ำตาลทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาภาวะภัยแล้งและฝนตกหนักสลับกัน รวมถึงพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ของบราซิลซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการปลูกอ้อยก็ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนตกหนัก เกษตรกรจึงนำผลผลิตบางส่วนไปแปรรูปผลิตเป็น เอทานอลซึ่งมีราคาขายที่ดีกว่า ส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลลดลงเหลือ 30.7 ล้านตันในปี 2559 เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ผลผลิตน้ำตาลอยู่ที่ 32 ล้านตัน กระทบต่อปริมาณน้ำตาลที่ถูกป้อนเข้าสู่ตลาดโลกไม่เพียงพอ
ด้วยเหตุที่อุตสาหกรรมน้ำตาลของบราซิลกำลังมีปัญหา ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลและเอทานอลเริ่มเสนอขายกิจการให้กับผู้ที่สนใจโดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างชาติ ขณะที่ตลาดโลกยังมีความต้องการบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่สูงขึ้นเฉลี่ย 5-6 ล้านตัน ทำให้กิจการน้ำตาลในบราซิลกำลังเป็นที่ต้องการของนักลงทุน ในปัจจุบันมีบริษัทต่างชาติหลายบริษัทให้ความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการโรงงานน้ำตาลในบราซิล ทั้งบริษัทลงทุนและบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำตาลและแปรรูปน้ำตาล อาทิ บริษัท Cevital บริษัทเอกชนใหญ่ที่สุดของแอลจีเรียและมีโรงงานแปรรูปน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งบริษัท Fatima หนึ่งในกลุ่มบริษัทผลิตน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในปากีสถาน เพราะเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการที่อุตสาหกรรมน้ำตาลโลกจะมีกำลังการผลิตลดลงในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำตาลโลกสูงขึ้น เป็นแนวโน้มการแสวงหากำไรในระยะสั้นเป็นหลัก
สำหรับภาคเอกชนไทย ด้วยศักยภาพและจุดแข็งในสาขาธุรกิจการเกษตร โดยเฉพาะการผลิตน้ำตาลซึ่งผู้ประกอบการภาคเอกชนของไทยถือว่ามีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการผลิต ทั้งน้ำตาลดิบ น้ำตาลทราย และน้ำตาลทรายขาว โดยในปี 2558 และปี 2559 ผู้ประกอบการไทยส่งออกน้ำตาลติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกรองจากบราซิลและอินเดียเท่านั้น และยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในอาเซียนด้วยปริมาณการผลิตกว่า 10-11 ล้านตันต่อปี โดยส่งออกถึง 85% ของการผลิต หรือกว่า 8 ล้านตัน จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการคว้าโอกาสการลงทุนหรือการเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทผู้ผลิตน้ำตาลท้องถิ่นของบราซิล และการเข้าซื้อกิจการโรงงานน้ำตาลในบราซิล เพื่อเพิ่มศักยภาพทางการผลิตต่อไป
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)