เกาะติดเศรษฐกิจลาตินอเมริกา

เกาะติดเศรษฐกิจลาตินอเมริกา

วันที่นำเข้าข้อมูล 1 ธ.ค. 2554

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 27 พ.ย. 2565

| 2,158 view

เกาะติดเศรษฐกิจลาตินอเมริกา


สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก


ต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวชิลีเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2554


     สหพันธ์ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของชิลี (Chilean Federation of Tourism Companies) เผยตัวเลข จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าชิลีเก้าเดือนแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวที่เลือกมาเล่นสกีที่ชิลีในฤดูหนาวแทนเมือง Bariloche แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางตอนใต้ของอาร์เจนตินาที่ได้รับผลกระทบจากเถ้าภูเขาไฟซึ่งฟุ้งกระจายจากฝั่งชิลี 
     สหพันธ์ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของชิลี ยังระบุด้วยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าชิลีเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวดังกล่าวยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเปรูและอุรุกวัย ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และร้อยละ 37 ตามลำดับ  รวมทั้งต่ำกว่าอัตราการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวเฉลี่ยของประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 15.4 อีกด้วย สหพันธ์ฯ จึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลชิลีหันมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มงบประมาณในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศ  เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเล่นสกีในชิลีจะลดลงเมื่อสถานการณ์ในอาร์เจนตินากลับสู่ภาวะปกติ

 

ที่มา www.americaeconomia.com : วันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011

 

การลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในชิลีเพิ่มขึ้น


     เป็นที่คาดการณ์ว่า ในปี 2554 เศรษฐกิจภาคเทคโนโลยีสารสนเทศของชิลีจะมีมูลค่าสูงถึง 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวร้อยละ 21 ซึ่งแม้จะเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของภูมิภาคลาตินอเมริกา แต่ก็สูงกว่าการขยายตัวในบางประเทศ เช่น อาร์เจนตินา โคลัมเบีย เป็นต้น 
     เมื่อปี 2553 เศรษฐกิจภาคเทคโนโลยีสารสนเทศของชิลีประกอบด้วยการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับร้อยละ 60 ของภาคเศรษฐกิจดังกล่าว ขณะที่การลงทุนด้านซอฟต์แวร์มีมูลค่า 197 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 11  
     ส่วนบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีมูลค่า 520 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือร้อยละ 29  ขณะที่ในปี 2554 เป็นที่คาดการณ์ว่าการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์น่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 61 ขณะที่ด้านซอฟต์แวร์จะลดลงเหลือร้อยละ 10 ส่วนการลงทุนด้านบริการเทคโนโลยีสารสนเทศจะยังมีสัดส่วนเท่าเดิม  
     ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในชิลีเห็นว่า สัดส่วนของตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศในชิลี ซึ่งมีการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ที่สูงกว่าซอฟต์แวร์จะดำเนินไปเช่นนี้อีกพักใหญ่จนกว่าการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ในชิลีจะอิ่มตัว การลงทุนด้านซอฟต์แวร์และบริการเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นจึงจะเปลี่ยนมามีบทบาทหลักบ้าง
ทั้งนี้ การลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ประจำปี 2554 ในชิลี ร้อยละ 49.1 เป็นการลงทุนโดยภาครัฐ และร้อยละ 50.9 เป็นการลงทุนโดยภาคเอกชน 

 

ที่มา หนังสือพิมพ์ Estrategia : วันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011

 

การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของปานามา


     การท่องเที่ยวปานามาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาการเกษตรและปศุสัตว์ของปานามา ได้ร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro-tourism) ภายในประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับกิจกรรมด้านการเกษตรและปศุสัตว์ของประเทศ
แนวคิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวดังกล่าว มุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับกรรมวิธีการผลิตในภาคการเกษตรและปศุสัตว์ รวมถึงปลูกฝังทัศนคติและความรับผิดชอบต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อทำให้การท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นทั้งกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนและการเรียนรู้ไปในคราวเดียวกัน 
     ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการทั้งในด้านการวิจัยตลาดและทำการตลาดการท่องเที่ยวประเภทดังกล่าว จนทำให้ขณะนี้มีเกษตรกรและผู้ประกอบการ ซึ่งมีความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในปานามาแล้วจำนวน 35 ราย 

 

ที่มา http://laestrella.com.pa : วันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011

 

ความยากจนและการว่างงานเพิ่มขึ้นในคอสตาริกา


     สถาบันสถิติแห่งชาติคอสตาริการะบุว่า ในปี 2554 อัตราการว่างงานในคอสตาริกาเท่ากับร้อยละ 7.7 และอัตราความยากจนของประชากรในประเทศเท่ากับร้อยละ 21.6 ซึ่งล้วนเป็นสถิติที่สูงกว่าการสำรวจเมื่อปี 2553 ที่อัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ 7.3 และอัตราความยากจนเท่ากับร้อยละ 21.3 เท่านั้น 
     รายงานของสถาบันสถิติฯ ระบุว่า ความยากจนในเขตเมืองเท่ากับร้อยละ 19.1 ขณะที่ความยากจนในเขตชนบทเท่ากับร้อยละ 26 นอกจากนี้ สัดส่วนของจำนวนคนที่มีความยากจนมากก็เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6 เมื่อปี 2553 เป็นร้อยละ 6.4 เมื่อปี 2554   นอกจากนี้ การสำรวจของสถาบันสถิติฯ ยังพบว่ามีจำนวนสตรียากจนในคอสตาริกามากกว่าเพศชาย และครัวเรือนที่ยากจนมักมีจำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีสูงกว่าครัวเรือนทั่วไป 
     สถาบันสถิติฯ ระบุว่า แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานและความยากจนภายในประเทศจะไม่มีนัยยะสำคัญทางสถิติแต่ก็แสดงให้เห็นว่าปัญหาความยากจนกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในคอสตาริกา
นักเศรษฐศาสตร์คอสตาริการะบุว่า สภาพสังคมดังกล่าวดังกล่าวไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2551 รัฐบาลคอสตาริกายังไม่สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศได้เต็มที่ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในสภาวะอ่อนแอ ทั้งนี้ ภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการลดตำแหน่งงานนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2551 เป็นต้นมา 
     ภายหลังทราบข่าวการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานภายในประเทศ รัฐบาลคอสตาริกาได้แถลงนโยบายใหม่ เพื่อช่วยเหลือผู้ว่างงานภายในปี 2555 โดยจะจ้างงานบุคคลว่างงานจำนวน 5,000 อัตรา เพื่อทำงานสาธารณะในท้องที่ของตน ซึ่งจะได้รับค่าจ้างประมาณ 100 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน ทั้งนี้ รัฐบาลคอสตาริกาคาดว่าจะใช้งบประมาณในโครงการดังกล่าวรวม 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ที่มา www.prensa-latina.cu : วันที่ 16 พฤศจิกายน 2554

 

ราคากาแฟที่เอลซัลวาดอร์ส่งออกสูงขึ้น


     สภากาแฟแห่งเอลซัลวาดอร์ (The Salvadoran Coffee Council) ระบุว่า เมื่อเดือนตุลาคม 2554 ซึ่งเป็นเดือนแรกของฤดูการผลิต 2554/2555 เอลซัลวาดอร์ส่งออกกาแฟจำนวน 30,095 กระสอบ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปี 2553 ที่เอลซัลวาดอร์สามารถส่งออกกาแฟได้เพียง 1,436 กระสอบเท่านั้น  
     การส่งออกกาแฟเมื่อเดือนตุลาคม 2554 สร้างรายได้ให้ประเทศรวม 6.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 22 เท่าด้วยกัน เนื่องจากราคากาแฟเมื่อเดือนตุลาคม 2554 ก็สูงขึ้นจากโดยเอลซัลวาดอร์มีตลาดส่งออกกาแฟที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 52.6 เยอรมนีร้อยละ 22.2 เบลเยี่ยมร้อยละ 11.5 ญี่ปุ่นร้อยละ 5.5
เมื่อฤดูกาล 2553/2554 เอลซัลวาดอร์ส่งออกกาแฟ 2,267,441 กระสอบ สร้างรายได้ให้ประเทศรวม 459.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 14 ปี 
     อย่างไรก็ดี ในฤดูกาลผลิต 2554/2555 ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นขึ้นไม่นานมานี้ เป็นที่คาดว่า ผลผลิตกาแฟของเอลซัลวาดอร์จะลดลง อันเนื่องมาจากผลกระทบของภาวะฝนตกหนักเมื่อเดือนตุลาคม 2554

 

ที่มา www.laprensagrafica.com วันที่ 17 พฤศจิกายน 2554