กรีซเดินหน้าฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์
(อีเมล์ [email protected] )

 

             เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา รัฐสภากรีซได้ผ่านความเห็นชอบมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ที่รัฐบาลเสนอเพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือระยะที่ 2 จาก EU IMF และ ECB Troika จำนวน 130 พันล้านยูโร ที่จะมาพร้อมกับการปรับลดหนี้กรีซโดยสถาบันการเงินเอกชน (Private sector involvement PSI) ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 199 เสียง และคัดค้าน 74 เสียง

             นายกรัฐมนตรี Lucas Papademos ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของมาตรการดังกล่าวว่าทางออกของกรีซมีทางเดียว คือการก้าวไปข้างหน้าร่วมกับยุโรปและการใช้เงินสกุลยูโร หากกรีซไม่ยอมรับแผนช่วยเหลือครั้งนี้ อาจจะสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อกรีซ เพราะนอกจากกรีซจะล้มละลายแล้ว รัฐบาลยังไม่มีเงินบริหารประเทศ และจะไม่มีเงินจ่ายข้าราชการ เงินสนับสนุนโรงเรียน และค่ารักษาพยาบาลของประชาชนกรีซ

             ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์ ได้สรุปสาระสำคัญของมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ดังต่อไปนี้

             1. ลดบำนาญข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจต่างๆรวม 600 ล้านยูโร โดยจะเริ่มมีผลบังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป และระหว่างปี 2556 2558 จะลดรายจ่ายทั้งด้านการรักษาพยาบาล การลงทุน กลาโหม และค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงอีกประมาณ 3.3 พันล้านยูโร

             2. ลดค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของภาคเอกชนลงร้อยละ 22 จากเดิมอยู่ที่ 751 ยูโรต่อเดือน เหลือ 586 ยูโรต่อเดือน ส่วนคนงานที่อายุต่ำกว่า 25 ปี ให้ลดเพิ่มอีกร้อยละ 10 รวมเป็นร้อยละ 32 เหลือ 511 ยูโรต่อเดือน แต่ยังคงมีการจ่ายเงินรางวัลประเพณี

             3. ปลดพนักงานของรัฐจำนวน 150,000 คน ภายในปี 2558 โดยในปี 2555 จะเริ่มปลด 15,000 คน และกำหนดอัตราส่วนการว่าจ้างพนักงานใหม่ต่อพนักงานรัฐที่ถูกปลดไปเป็น 1 ต่อ 5 และลดจำนวนลูกจ้างชั่วคราว

             4. ปรับปรุงหลักเกณฑ์และข้อบังคับอื่นๆ เกี่ยวกับสวัสดิการแรงงาน เช่น ยกเลิกข้อบังคับที่ไม่ให้มีการปลดพนักงานของรัฐออกจากงาน ให้หยุดการจ่ายเงินเพิ่มแก่คนงานที่ทำงานต่อเนื่องเกิน 3 ปีในหน่วยงานเดียวกัน จนกว่าอัตราการว่างงานจะลดลงต่ำกว่าร้อยละ 10 รวมทั้งลดเงินสมทบกองทุนประกันสังคมด้วย

             แม้นายกรัฐมนตรีของกรีซจะออกมายืนยันว่ามาตรการนี้จะเป็นทางออกเดียวของวิกฤติเศรษฐกิจกรีซ แต่ประชาชนหลายหมื่นคนรวมทั้งนักการเมืองจำนวนหนึ่ง ต่างไม่พอใจกับมาตรการดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นการผลักภาระให้กับประชาชนและไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง จนถึงขั้นเกิดความรุนแรงขึ้นตามเมืองสำคัญๆ ทั่วประเทศกรีซ

             อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์ Der Spiegel ของเยอรมนีรายงานว่า การลงคะแนนสนับสนุนแผนช่วยเหลือระยะสองของรัฐสภากรีซครั้งนี้ทำให้ค่าเงินยูโรกระเตื้องขึ้นร้อยละ 0.4 แต่นี่ก็ยังเป็นเพียงก้าวแรกของกรีซเท่านั้น