วันที่นำเข้าข้อมูล 13 มิ.ย. 2554
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 15 พ.ย. 2565
เจาะตลาดผลไม้ไทยในแดนมังกร
จาก สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้
(http://www.thaibizchina.com หรืออีเมล์ [email protected] )

ภาพจาก www.google.com
แม้ว่างาน Shanghai World Expo 2010 ได้ปิดฉากลงพร้อมกับได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานอย่างไม่รู้ลืม สมดังความตั้งใจที่เจ้าภาพอย่างจีนได้ทุ่มทุนสร้างนับแสนล้านหยวนเนรมิตให้งานครั้งนี้ยิ่งใหญ่อลังการสมกับการรอคอย และเชื่อว่าอีกเรื่องที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมชมงานเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ ศาลาไทยที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพหลักของฝ่ายไทยทุ่มทั้งแรงกายและแรงใจเต็มร้อยสร้างสรรศาลาไทยได้โดดเด่น สร้างความประทับ ใจให้แก่ผู้เข้าร่วมชมงานเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ยังได้ช่วยเติมสีสันของศาลาไทยโดยการจัดโครงการดีๆ แจกชิมผลไม้ไทย ณ ศาลาไทยในงาน Expo 2010 เพื่อส่งเสริมความนิยมผลไม้ไทยในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนอีกด้วย
โครงการนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2553 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 35 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีนและเป็นช่วงการจัดงาน Shanghai World Expo โดยสถานกงสุลใหญ่ ได้แจกถุงผลไม้ไทยให้ผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 50,000 คน ซึ่งชาวจีนส่วนใหญ่ต่างชื่นชอบในผลไม้ไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากผลไม้ไทยในสายตาของชาวจีนคือ ผลไม้ที่มีคุณภาพสูง มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีสีสันและรูปลักษณ์ที่สวยงามเฉพาะตัว เหมาะที่จะให้เป็นของขวัญและสามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงได้ ปกติแล้วชาวจีนจะนิยมซื้อผลไม้ไทยรับประทานในครอบครัวหรือมอบให้เป็นกระเช้าของขวัญ ช่วยทั้งเพิ่มอุปสงค์ของผลไม้ไทยในตลาดจีนและต่อยอดไปสู่ความนิยมด้านการท่องเที่ยว สินค้าและบริการของไทยได้อีกด้วย
ท่านทราบหรือไม่ว่า ผลไม้ไทยที่ชาวจีนส่วนใหญ่รู้จักคือ มะม่วงและทุเรียน รองลงมาคือ ลำไยและมังคุด ขณะที่ผลไม้ไทยชนิดอื่นๆ ยังไม่เป็นที่รู้จักนักในหมู่ชาวจีนมากนัก ไม่ว่าจะเป็น เงาะ สับปะรด กล้วย และส้มโอ เป็นต้น สะท้อนให้เห็นว่าผลไม้ไทยยังไม่มีความหลากหลายมากนัก ดังนั้น ผลไม้ไทยยังมีโอกาสที่จะขยายตัวในตลาดจีนได้อีก โดยเฉพาะในกลุ่มที่ชื่นชอบผลไม้ไทยเป็นเดิมทุนอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ผลไม้ไทยที่ชาวจีนรู้จักและเคยรับประทานมากที่สุด 4 อันดับข้างต้น ก็ไม่ได้นำเข้ามาจากประเทศไทยเพียงแห่งเดียว แต่ไต้หวันและออสเตรเลียก็กำลังส่งเสริมการปลูกมะม่วงเพื่อเน้นตลาดส่งออก ลำไยจากทางตอนใต้ของจีน ทุเรียนจากอินโดนีเซีย และมังคุดจากเวียดนาม เป็นต้น ดังนั้น การทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสได้รู้จักและชิมรสชาติที่แท้จริงของผลไม้ไทย ตลอดจน การกำหนดตราสัญลักษณ์รับรองผลไม้จากไทย ส่งเสริมการพัฒนาแบรนด์ผลไม้ไทย ฯลฯ อาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะลดโอกาสความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณภาพและรสชาติของผลไม้ไทย พร้อมทั้งสร้างความชื่นชอบผลไม้ไทยได้ในระยะยาวได้ นอกจากนี้ หากไทยพัฒนาผลไม้ไทยให้สามารถปลูกและเก็บเกี่ยวนอกฤดูกาลได้ด้วยก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณความต้องการผลไม้ไทยของชาวจีนมากขึ้นไปอีกโดยเฉพาะในช่วงที่ไม่มีคู่แข่งจากผลไม้ฤดูหนาวของจีน ซึ่งชาวจีนยังต้องการบริโภคผลไม้ในนอกฤดูกาลอยู่ ขณะที่ ผลไม้ในจีนส่วนใหญ่เป็นผลไม้เมืองหนาวและมีฤดูกาลที่ชัดเจน ดังนั้น จึงน่าจะเป็นโอกาสดีของผลไม้ไทยในการทำยอดขายช่วงเวลาดังกล่าวได้
ส่วนปัจจัยในการเลือกซื้อผลไม้ไทยของชาวจีน ดูเหมือนว่า ราคามิใช่ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อผลไม้ของชาวจีนเท่าใดนัก หากแต่เป็นรสชาติและความชอบส่วนตัวที่มีอิทธิพลสูงมากกว่า เนื่องจาก การบริโภคผลไม้ไทยในปัจจุบันของชาวจีนสะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมในการบริโภคของชาวจีนที่มีกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ผลไม้ไทยที่จะนำเข้าตลาดจีนจึงควรเน้นผลไม้เกรดดี มีคุณภาพสูง ขณะเดียวกัน คุณค่าทางโภชนา การก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้บริโภคชาวจีนให้ความสำคัญ และสะท้อนกระแสนิยมในการดูแลสุขภาพของชาวจีน โดยสังเกตได้จาก ปัจจุบันมีผู้ประกอบการผลไม้ในนครเซี่ยงไฮ้นำกระแสนิยมดังกล่าวมารวมกับค่านิยมของชาวจีนในการมอบของขวัญที่ดีต่อสุขภาพในช่วงเทศกาลสำคัญ รับจัดกระเช้าผลไม้เป็นของขวัญ ซึ่งมีกระเช้าผลไม้ไทยด้วย ดังนั้น คุณค่าโภชนาการของผลไม้ไทยจึงเป็นอีกประเด็นที่สามารถหยิบยกมาเป็นจุดประชาสัมพันธ์และจุดขายของผลไม้ไทยได้อย่างดี ไม่เพียงเท่านั้น รสชาติของผลไม้ไทยยังดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อ ซึ่งการจัดกิจกรรมที่ให้ชาวจีนได้สามารถลองชิมและรับรู้รสชาติผลไม้ไทยก็ถือว่าเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะทำให้ผลไม้เป็นที่ชื่นชอบและขายดีได้
ดังนั้น หากต้องการจะเจาะตลาดผลไม้ไทยในตลาดจีน ซึ่งเริ่มมีผู้บริโภคที่มีฐานะและชื่นชอบของคุณภาพดีและแปลกใหม่ ก็ควรเน้นประชาสัมพันธ์เรื่อง คุณภาพ คุณค่า โภชนาการ และรูปลักษณ์ที่สวยงามแปลกตาของผลไม้ไทย เพื่อให้ถูกปากตรงใจผู้บริโภคและสภาพตลาดในปัจจุบัน
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)