วันที่นำเข้าข้อมูล 5 ส.ค. 2556
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
อีเมล์ [email protected] หรือ rctg – [email protected]
หรือ [email protected]
ภาพรวมเศรษฐกิจเขตคันไซในญี่ปุ่น จากการประชุม Kansai Consulate Forum ครั้งที่ 9 ภายใต้หัวข้อ “The Growth Strategy and Recent Economic Trend of Japan and Kansai” ที่โรงแรม Imperial Osaka พบว่าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวในปี 2556 ดังนี้
ด้านการผลิต อุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 จากเดือนเมษายน 2556 ได้แก่ โซล่าเซลล์ รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และวัสดุก่อสร้าง
ด้านการลงทุน ในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2556 ลดลงร้อยละ 12.5 การลงทุนในประเทศเน้นการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการลงทุนเพื่อประหยัดแรงงาน / พลังงาน
ด้านการบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เช่น อัญมณีเครื่องประดับ นาฬิกา และการบริการด้านการท่องเที่ยว
ด้านการค้าและการส่งออก สำหรับการส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม 2556 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า พลังงานธรรมชาติ และเหล็ก ส่วนการนำเข้า มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 จากเดือนพฤษภาคม 2556
สำหรับปัจจัยอื่นที่ทำให้เศรษฐกิจเขตคันไซในประเทศญี่ปุ่นประสบกับภาวะยากลำบาก ได้แก่ การแข็งค่าของเงินเยน สภาพเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่หดตัว และการหดตัวของอุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า
ส่วนปริมาณความต้องการสินค้าหรืออุปสงค์ (demand) ภายหลังการฟื้นตัวจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจคันไซเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ยังมีการมุ่งเน้นการส่งออกสินค้าเกษตรของญี่ปุ่น ได้แก่ ผลไม้ ชาเขียว และเนื้อวัว ดังนี้
ผลไม้ที่มีการส่งออกเป็นอับดับ 1 ได้แก่ แอปเปิ้ล โดยส่งไปจำหน่ายยังฮ่องกงและไต้หวัน สำหรับผลไม้ในเขตคันไซที่ขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพ คือ ลูกพลับ ส้มแมนดาริน และลูกท้อ โดยปลูกกันเป็นหลักๆ ที่จังหวัดวากายามา
ส่วนชาเขียว ได้แก่ Omicha จังหวัดชิกะ Ujicha จังหวัดเกียวโต Tanbacha จังหวัด เฮียวโกะ Hamatocha จังหวัดนารา และ Kawazoecha จังหวัดวากายามา
สำหรบเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อวัวที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพของเขตคันไซ ได้แก่ Omi Beef จังหวัดชิกะ และ Kobe Beef จังหวัดเฮียวโกะ
สุดท้าย คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศญี่ปุ่น มีการวางแผนงานในด้านต่างๆ ดังนี้
ประการแรก คือ การปรับปรุงท่าเทียบเรือเพื่อให้รองรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
ประการที่สอง คือ การบูรณาการคลังสินค้าในเขตคันไซ
ประการสุดท้าย คือ กาบริหารจัดการท่าเรือให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้ภาคเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการและปรับปรุงขั้นตอนให้เป็นแบบ one – stop desk
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)