เลาะลัดเกาะเศรษฐกิจสเปน

สถานเอกอัคราชทูต ณ กรุงมาดริด

             ประเทศต่างๆ ทั่วโลก กำลังจับตามองสถานการณ์เศรษฐกิจขาลงของอียูหรือสหภาพยุโรปอย่างใกล้ชิด หนึ่งในนั้นคือ แดนกระทิงดุอย่างสเปน โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤตในโปรตุเกส เนื่องจากหากเกิดเศรษฐกิจชะงักงันในสเปนจนถึงขึ้นล้มละลายเป็นประเทศที่สี่ ก็จะสร้างผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจรวมของอียูอย่างมาก เนื่องจากสเปนมีสัดส่วน GDP ของอียู สูงกว่าโปรตุเกส กรีซ และไอร์แลนด์เสียอีก เพื่อเป็นการติดตามภาพรวมภาวะเศรษฐกิจสเปน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด จึงขอส่งตรงข้อมูลดีๆ มาอัพเดทท่านผู้อ่านกัน

             ภาพรวมเศรษฐกิจของสเปน ช่วงระหว่างเดือนมกราคม กันยายน 2554 มีอัตราเติบโต เพียงร้อยละ 0.7 โดยในไตรมาสที่ 3 ของปี ไม่มีการเติบโตเลย เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และ GDP ของไตรมาสที่ 3 นี้ โดยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศลดลงร้อยละ 0.7 การบริโภคของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 และการส่งออกและการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคที่ทำรายได้ให้กับสเปนมากที่สุดในไตรมาสที่ 3 มีอัตราขึ้นเพียงละ 0.8 เท่านั้น 

             การหยุดนิ่งของเศรษฐกิจโดยรวมของสเปนในไตรมาสที่ 3 นี้ เป็นผลมาจากการหดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างหลักของเศรษฐกิจสเปน และนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาล ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่กลางปี 2553 ส่งผลต่อการตัดสินใจปรับลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลหลายรายการอย่าง โดยรวมถึงการลดเงินเดือนข้าราชการและการปรับระบบการจ่ายเงินบำนาญด้วย ทำให้รายได้ต่อครัวเรือนของชาวสเปนลดลง (ในปี 2553 รายได้ต่อเฉลี่ยต่อครัวเรือนของสเปนอยู่ที่ 24,890 ยูโร ลดลงจากปี 2552 ร้อยละ 4.4) ส่งผลโดยตรงต่อกำลังซื้อของชาวสเปนและทำให้ร้อยละ 21.8 ของครอบครัวชาวสเปนตกอยู่ใต้เส้นความยากจน (Poverty line)

             ในส่วนอัตราการว่างงานของสเปนในไตรมาสที่ 3 พุ่งสูงถึงร้อยละ 21.5 สเปน มีประชากรว่างงานจำนวนประมาณ 4.978 ล้านคน สูงที่สุดในรอบ 15 ปี และอัตราการว่างงานของผู้ที่สำเร็จการศึกษาใหม่ (อายุต่ำกว่า 25 ปี) เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 48 ทั้งนี้ เนื่องจากการจ้างงานชั่วคราวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงการหยุดฤดูร้อนได้ยุติลงแล้ว

             สำหรับภาคธนาคารสเปน ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการเงินและสภาวะเศรษฐกิจถอถอยอย่างต่อเนื่อง ธนาคารพาณิชย์สเปน 3 แห่งได้แก่ NovaCaixaGalicia , CatalunyaCaixa และ Unnim ซึ่งไม่สามารถเพิ่มอัตราทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูง ได้ร้อยละ 10 ตามรัฐบาลกำหนดไว้ได้แปรรูปเป็นธนาคารของรัฐแล้ว ส่งผลให้รัฐบาลต้องจ่ายเงินจำนวนทั้งสิ้น 4.75 ล้านยูโร ให้แก่ผู้ถือหุ้นของธนาคาทั้งสามดังกล่าว นอกจากนี้ธนาคารสเปนยังถูกลดระดับความน่าเชื่อถือลงอย่างต่อเนื่อง

             สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น ราคาที่อยู่ในสเปนโดยเฉลี่ยต่ำลงร้อยละ 7.4 หนี้จากภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหนี้เสียที่สุงที่สุด ขณะนี้บริษัทในสเปน กำลังทยอยขายที่อยู่อาศัยเกินความต้องการซึ่งสร้างตั้งแต่ยุคฟองสบู่ของภาคอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปี 2550 ประมาณ 700,000 แห่งทั่วประเทศ 

             คงต้องติดตามข่าวสารเศรษฐกิจสเปนและอียูกันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งภาวนาให้สเปนรอดพ้นจากพิษไข้เศรษฐกิจที่หลายประเทศอียูได้รับเชื้อกันไปอย่างทั่วถึง