จับทิศทางเศรษฐกิจเดนมาร์ก

จับทิศทางเศรษฐกิจเดนมาร์ก

วันที่นำเข้าข้อมูล 6 ธ.ค. 2554

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565

| 5,052 view

จับทิศทางเศรษฐกิจเดนมาร์ก

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน
http://www.thaiembassy.dk อีเมล์ [email protected]


 

(ภาพจาก www.google.com)



             ภาวะเศรษฐกิจของลงของหลายประเทศสมาชิกอียูหรือสหภาพยุโรป ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและสร้างความกังวลในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในเอเชีย เหตุก็เพราะยุโรปเป็นตลาดนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญนั่นเอง เดนมาร์กเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจผันผวนดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก จึงส่งข่าวตรงทิศทางเศรษฐกิจเดนมาร์กมาฝากท่านผู้อ่านกัน

             นาง Helle Thorning Schmidt นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ได้แถลงนโยบายเศรษฐกิจเดนมาร์กว่า เศรษฐกิจเดนมาร์กเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2554 โดยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 1 ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเดนมาร์กกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง เนื่องจากอัตราการใช้จ่ายสาธารณะและการลงทุนในภาคสาธารณะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2554 เป็นต้นมา เดนมาร์กยังคงเผชิญกับปัญหาเรื่องภาคธุรกิจขาดความมั่นใจในการลงทุน คาดว่าการเติบโตของภาคธุรกิจต่างๆ จะชะลอตัวไปถึงต้นปีหน้า โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตของ GDP ลดลงจากร้อยละ 0.8 ในปี 2554 เป็นร้อยละ 0.2 ในปี 2555 และอาจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2556 ที่ร้อยละ 1.2

             เช่นเดียวกับอัตราการบริโภคส่วนบุคคลยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องแต่อาจมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นบ้างในปี 2555 ในขณะที่อัตราการจ้างงานคงจะซบเซาต่อไป เนื่องจากสัดส่วนการจ้างงานในภาครัฐลดน้อยลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลงจะช่วยสนับสนุนให้รายได้ส่วนบุคคลเติบโตขึ้นบ้างโดยเฉพาะหากภาคเอกชนเริ่มใช้นโยบายการชำระค่าจ้างแบบ 3 ปี (Three-year pay) แต่แนวโน้มการจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น (คาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป) ก็คงทำให้สัดส่วนรายได้ส่วนบุคคลปรับลดลงอีก อย่างไรก็ดี อัตราการบริโภคส่วนบุคคลอาจจะขยายตัวได้บ้าง หากรัฐบาลเริ่มปฏิรูประบบการชำระเบี้ยบำนาญ โดยการใช้มาตรการชำระค่าตอบแทนสำหรับผู้เกษียณอายุก่อนกำหนด (early retirement) ในระยะยาว

             อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ชาวเดนิชต้องแบกรับภาระหนี้สินจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์(housing bubble) ในปี 2553 สถิติการออมก็ลดลงอย่างรวดเร็วด้วย ด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินโครนเดนมาร์กยังแกว่งตัวตามค่าเงินยูโร โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7.46 โครนเดนมาร์กต่อ 1 ยูโรและมีแนวโน้มที่เงินยูโรจะอ่อนค่าลง สืบเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาหนี้สาธารณะที่ประเทศในภูมิภาคยุโรปกำลังประสบอยู่ จึงมีความเป็นไปได้ว่า เงินโครนเดนมาร์กจะยิ่งอ่อนค่าลงตามไปด้วย โดยเฉพาะหากเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าจะปรับลดลงจาก 5.29 โครนเดนมาร์กต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับโครนเดนมาร์ก นั้น อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด(เดือนตุลาคม 2554) อยูที่ 5.65 บาทต่อ 1 โครนเดนมาร์ก

             ส่วนอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงจากร้อยละ 3 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 เป็นร้อยละ 2.4 ในเดือนกันยายน 2554 แต่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในช่วงปลายปี 2554 เพราะรัฐบาลเดนมาร์กมีกำหนดจะเริ่มใช้การจัดเก็บภาษีระบบใหม่สำหรับสินค้าประเภทที่ไม่ส่งผลดีต่อผู้บริโภคในช่วงเดือนตุลาคม 2554 การอ่อนค่าของเงินยูโรและเงินโครนเดนมาร์กจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อไม่ปรับลดรุนแรงมากไปกว่านี้ โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อโดยรวมในปี 2554 จะอยู่ที่ร้อยละ 2.8 และลดลงเป็นร้อยละ 2.2 ในปี 2555 ด้านอัตราบัญชีเงินเดินสะพัด(Current account)นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา ยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของปริมาณอุปสงค์ท้องถิ่น และหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนการได้ดุลการค้าในปี 2555 ลดลงด้วย เช่นเดียวกันกับสถิติการลงทุนจากต่างประเทศที่มีน้อยลงและจำกัดอยู่เพียงสาขาเครื่องจักรและอุปกรณ์เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่การลงทุนในภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ไม่กระทบต่ออัตราการใช้จ่ายภาครัฐมากนัก