จับตามองอุตสาหกรรม IT รัฐทมิฬนาฑู

จับตามองอุตสาหกรรม IT รัฐทมิฬนาฑู

วันที่นำเข้าข้อมูล 9 ม.ค. 2555

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 26 พ.ย. 2565

| 2,266 view

จับตามองอุตสาหกรรม IT รัฐทมิฬนาฑู

สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน
(อีเมล์
[email protected])


ภาพจาก www.google.com



             รัฐทมิฬนาฑู รัฐใหญ่อันดับสามของอินเดียตั้งเป้าเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้าน IT ของอินเดียแข่งกับรัฐคาร์นาทากะ  ซึ่งมีเมือง "ซิลิคอน วัลเลย์" หรือ บังกาลอร์ เป็นเมืองอันดับหนึ่งในปัจจุบัน โดยก่อนหน้านี้ รัฐทมิฬนาฑู ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย ได้แจกคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คชุดแรกให้แก่เด็กนักเรียนประถมของโรงเรียนของรัฐไปแล้ว และตั้งเป้าจะแจกทั้งหมด 6.8 ล้านเครื่อง

             ล่าสุด สมาพันธ์อุตสาหกรรมอินเดีย (Confederation of Indian Industry: CII) ได้จัดงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีชื่อว่า Connect 2011  ขึ้นที่ Chennai Trade Center เมืองเจนไน เมืองหลวงของรัฐทมิฬนาฑู โดยนาง J. Jayalalitthaa มุขมนตรีรัฐ ได้เข้าร่วมงานและกล่าวเปิดงานสัมมนาเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา

             นาง J. Jayalalitthaa ยืนยันที่จะสนับสนุนนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรม IT เพื่อมุ่งทำให้รัฐทมิฬนาฑูเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้าน IT ของอินเดีย โดยรัฐฯ มีนโยบายที่จะเอื้ออำนวยประโยชน์ใหม่ๆ ให้แก่ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมดังกล่าว ทั้งยังจะพยายามส่งเสริมให้รัฐฯเป็นผู้นำในด้าน e-readiness และ e-governance ของอินเดียด้วย

             ทั้งนี้ รัฐทมิฬนาฑูมีบริษัท Software กว่า 1,800 แห่ง ซึ่ง 210 บริษัทเป็นการลงทุน 100% ของบริษัทต่างชาติ  โดยช่วง ปี 25532554 การส่งออก Software ของรัฐทมิฬนาฑูเพิ่มขึ้น 14.8 % คิดเป็นมูลค่า 421,000 ล้านรูปี เมื่อเทียบกับปี 2552 ซึ่งมีมูลค่าเพียง 367,650.5 ล้านรูปี 

             จุดแข็งที่น่าสนใจของรัฐทมิฬนาฑู คือ การมีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพมากเพียงพอที่สามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในสาขา IT  โดยเฉพาะสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงอย่าง Anna University ซึ่งถือเป็นมหาวิทยาลัยที่ผลิตบัณฑิตด้านวิศวกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก แสดงให้เห็นว่ารัฐ      ทมิฬนาฑูมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเมืองอันดับหนึ่งทางอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี 

             ปัจจุบัน รัฐทมิฬนาฑูได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาลงทุนมากขึ้น ทั้งในสาขา IT การผลิตรถยนต์  เครื่องไฟฟ้าอิเลคทรอนิกส์  อุตสาหกรรมสิ่งทอ และผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง โดยในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนจากเกาหลีใต้ และญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

             อย่างไรก็ตาม รัฐทมิฬนาฑูยังจำเป็นจะต้องพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่การเป็นเมืองอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น ถนน ไฟฟ้า การคมนาคมขนส่ง และภาคบริการ รวมทั้งยังต้องส่งเสริมให้รัฐเป็นศูนย์กลางการค้นคว้าวิจัย การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และการปรับปรุงเชื่อมโยงเครือข่ายเทคโนโลยีทันสมัยเข้าด้วยกันด้วย

             ความต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐทมิฬนาฑูนั้น ถือเป็นโอกาสที่ภาคเอกชนของไทยจะสามารถแสวงหาลู่ทางมาประมูลงานด้านโครงสร้างพื้นฐานในอินเดียได้ เนื่องจากภาคเอกชนของไทยนั้นมีความชำนาญและมีประสบการณ์ในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่อินเดียต้องการ อีกทั้งยังมีผลงานที่ดีในต่างประเทศตลอดมาทำให้ได้รับความไว้วางใจจากอินเดียอีกด้วย


********************