วันที่นำเข้าข้อมูล 1 พ.ค. 2555
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 4 ต.ค. 2565
บทนำ
การจัดการกับโอกาส และความท้าทายของกระแสโลกาภิวัฒน์สำหรับการพัฒนา
1. ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนศตวรรษ กระแสโลกาภิวัฒน์ในด้านการค้าและการไหลเวียนของเงินทุนที่ดำเนินไปอย่างรวด เร็วนั้น ได้นำมาซึ่งความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ ซึ่งรวมไปถึงประเทศกำลังพัฒนา และประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ จากการเพิ่มขึ้นอย่างไม่ปกติของการส่งออก ประเทศเหล่านั้นมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีอัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นำไปสู่การลดลงของภาวะความยากจน บางประเทศดูเหมือนว่า ได้อยู่บนเส้นทางของเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals)
2. อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยทั่วกัน จำนวนของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ไม่ ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการเติบโตของตลาดโลก ในทวีปอัฟริกานั้น อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประเทศทั้งหมดไม่ได้มีการยกระดับขึ้นจากการฟื้นตัว ทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ประเทศเหล่านั้นได้พยายามที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายของกระแสโลกา ภิวัฒน์แล้วก็ตาม อัตราการเจริญเติบโตของประเทศเหล่านั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยในช่วงปี ค.ศ. 2000 ถึง 2006 เมื่อเทียบกับช่วงปี ค.ศ. 1995 ถึง 2000 และนอกจากนี้อัตราการเจริญเติบโตยังคงอยู่ต่ำกว่า 3 เปอร์เซนต์
3. เพื่อ ที่ประเทศกำลังพัฒนาจะได้รับผลประโยชน์ของกระแสโลกาภิวัฒน์ในอนาคตนั้น จำเป็นจะต้องมีการจัดการกับผลกระทบของการพึ่งพาสินค้า ซึ่งรวมถึงการผันผวนของราคา การจัดสรรรายได้อย่างโปร่งใสและเอื้อกับคนจน ตลอดจนการสร้างความหลากหลายให้กับโครงสร้างการผลิตในเศรษฐกิจซึ่งขึ้นอยู่ กับสินค้าเพียงไม่กี่ประเภทเท่านั้น ประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด จะต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิต การสร้างหลักประกันในการเข้าถึงบริการพื้นฐาน และการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันและกรอบกฎเกณฑ์ทางกฎหมาย
4. ผล กระทบของกระแสโลกาภิวัฒน์ที่เอื้อต่อการพัฒนานั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นลอยๆ แต่เป็นสิ่งที่ต้องการการสนับสนุนโดยการตัดสินใจทางการเมืองและการนำไป ปฏิบัติ นโยบายในการพัฒนาและยุทธศาสตร์ระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาตินั้น ควรมุ่งที่การจัดการกับความท้าทายและโอกาสในการพัฒนา ในขณะเดียวกันก็ใช้ประโยชน์จากพลังของโลกภิวัฒน์ในเชิงบวก ความพยายามในระดับชาติและระดับภูมิภาคควรได้รับการเกื้อหนุนผ่านการดำเนิน การสนับสนุนในระดับโลก และผ่านมาตรการและนโยบายต่างๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อโอกาสในการพัฒนาของประเทศกำลังพัฒนา ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงเงื่อนไขของประเทศ และเคารพในความเป็นเจ้าของ ยุทธศาสตร์ และอำนาจอธิปไตยของประเทศนั้น การตระหนักถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของกระแสโลกาภิวัฒน์ นโยบายเหล่านี้ควรที่จะต้องปรับแต่งตามความต้องการและเหตุการณ์ที่เฉพาะของ แต่ละประเทศ
5. การ พึ่งพากันของระบบเศรษฐกิจต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้นในโลกยุคโลกาภิวัฒน์และการเกิดขึ้นของระบอบที่มีกฏเกณฑ์เป็น พื้นฐานในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หมายถึง พื้นที่ทางนโยบายเศรษฐกิจแห่งชาติ ซึ่งก็คือ ขอบเขตของนโยบายภายในประเทศ โดยเฉพาะทางด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาอุตสาหกรรมนั้น ถูกตีกรอบโดยระเบียบระหว่างประเทศ ข้อผูกมัด และข้อพิจารณาของตลาดโลก รัฐบาลแต่ละประเทศต้องประเมินผลดีผลเสียระหว่างผลประโยชน์จากการยอมรับข้อ ตกลงและข้อผูกมัดระหว่างประเทศ กับข้อจำกัดที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียพื้นที่ทางนโยบาย สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งต่างก็มีเป้าหมายในการพัฒนาในอยู่ในใจ จึงสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างพื้นที่ทางนโยบาย ของชาติกับระเบียบและพันธสัญญาระหว่างประเทศ
6. ธร รมาภิบาลในทุกระดับ เสรีภาพ สันติภาพและความมั่นคง เสถียรภาพภายในประเทศ การเคารพต่อสิทธิของมนุษยชน ซึ่งรวมไปถึงสิทธิที่จะพัฒนา หลักนิติธรรม ความโปร่งใส ความเท่าเทียมกันทางเพศ นโยบายที่เน้นความสำคัญของตลาด และการยึดมั่นกับสังคมที่เป็นประชาธิปไตยและยุติธรรม เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกประเทศเพื่อให้เกิดการพัฒนาและการเติบโตที่ ยั่งยืนและเท่าเทียม การเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างยั่งยืน การกำจัดความยากจน และการสร้างการจ้างงานนั้น ต้องการนโยบายทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมและสถาบันประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน บทบาทของรัฐและบทบาทของตลาดนั้นต่างมีความสำคัญในการออกแบบและนำยุทธศาสตร์ การพัฒนาไปปฏิบัติใช้ได้อย่างประสบความสำเร็จ การลดความยากจนและการบรรลุการกระจายรายได้ที่เท่าเทียม การสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและทางมนุษย์ ตลอดจนการจัดการกับความล้มเหลวของตลาดในบริเวณที่เกิดขึ้น
7. การปรากฎตัวของผู้เล่นใหม่ในระบบโลกในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา และประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ได้กลายเป็นลักษณะสำคัญของกระแสโลกาภิวัฒน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ใน ขณะที่ความไม่สมดุลกันของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศก็ยังคงมี อยู่ แต่ภูมิศาสตร์ใหม่ของระบบเศรษฐกิจโลกนั้น มีศักยภาพที่จะขยายไปสู่ขอบเขตของความร่วมมือพหุภาคี และการยกระดับการบูรณาการของประเทศกำลังพัฒนาทั้งหมดในระยะยาว ความร่วมมือทางเศรษฐกิจแบบใต้-ใต้นั้นเกื้อหนุนมากกว่าแทนที่ความร่วมมือทาง เศรษฐกิจแบบเหนือ-ใต้ และสามารถจะช่วยทำให้เกิดการเจริญโตในระดับโลกและการพัฒนาที่สมดุลกัน
8. ในเศรษฐกิจโลกที่มีความซับซ้อนมากขึ้น อังค์ถัดได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะองค์กรที่มีสมาชิกทั่วโลก และเป้าหมายในฐานะหน่วยสำคัญขององค์การสหประชาชาติ เพื่อการจัดการแบบบูรณาการเกี่ยวกับการค้าและการพัฒนา ตลอดจนประเด็นที่มีความเกี่ยวข้องในขอบข่ายเรื่องการเงิน เทคโนโลยี การลงทุน และการพัฒนาที่ยั่งยืน การพึ่งพากันที่เพิ่มขึ้นในกระแสเศรษฐกิจโลกทำให้การประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 12 มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
9. ข้อตกลงอักกรา (Accra Accord) ได้สร้างขึ้นบนพื้นฐานของฉันทามติเซาเปาโล (Sao Paulo Consensus) ซึ่ง ได้จัดให้มีการวิเคราะห์นโยบายและการตอบสนองต่อนโยบายที่ทันสมัย เช่นเดียวกับแนวทางที่จะทำให้อังค์ถัดมีความเข้มแข็งขึ้น และเพื่อปรับปรุงบทบาทด้านการพัฒนา ผลกระทบ และประสิทธิผลของอังค์ถัด อังค์ถัดควรที่จะตรวจสอบประเด็นทั้งที่มีมานานแล้วและประเด็นใหม่ ซึ่งสามารถสนับสนุนให้เกิดความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้นต่อแนวทางและเครื่องมือ ที่เป็นไปได้ที่จะทำให้แน่ใจได้ว่า ผลกระทบในด้านบวกของกระแสโลกาภิวัฒน์และการค้าในการพัฒนานั้นเกิดสูงสุด
10. ใน ขณะที่อังค์ถัดทำงานเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาทุกประเทศและประเทศที่ ประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ อังค์ถัดควรปรับปรุงการทำงานในปัญหาที่มีความสำคัญของทวีปอัฟริกา และประเทศพัฒนาน้อยที่สุด อังค์ถัดก็ควรปรับปรุงการทำงานตามที่เหมาะสมในเรื่องความต้องการและปัญหา เฉพาะของรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะเล็กๆ ประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเล และประเทศที่มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ เปราะบาง และมีขนาดเล็ก อังค์ถัดควรช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการเผชิญความท้าทายพิเศษที่เกี่ยว ข้องกับโครงสร้างพื้นฐานและการขนส่ง
11. ด้วย อำนาจที่มีอังค์ถัดควรสนับสนุนให้เกิดการนำเอาไปปฏิบัติใช้ และการติดตามผลของการประชุมระดับโลกที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นยังควรที่จะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของ การพัฒนาที่มีการตกลงร่วมกันแล้วในระดับระหว่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึง เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษจากมุมมองต่างๆ ของภารกิจที่มี อังค์ถัดสามารถช่วยนำวาระของการพัฒนาโลกไปปฏิบัติใช้ และนำทางไปสู่ปี ค.ศ. 2015 นอกจากนั้นอังค์ถัดควรที่จะสนับสนุนให้เกิดการนำไปปฏิบัติใช้ในแนวทางการ ดำเนินการที่ถูกเรียกร้องจากการประชุม World Summit เมื่อปี ค.ศ. 2005 จากโครงการการดำเนินการสำหรับประเทศพัฒนาน้อยที่สุดสำหรับช่วงระยะเวลา 2001 – 2010 (Programme of Action for the Least Developed Countries for the Decade 2001 - 2010) จากฉันทามติจากมอนเทอเรย์ (Monterrey Consensus) ที่ได้จากการประชุมนานาชาติว่าด้วยการเงินเพื่อการพัฒนา (International Conference on Financing for Development) จากแผนการโจฮันเนสเบอร์กเพื่อการดำเนินการ (Johannesburg Plan of Implementation) ที่ได้ตกลงในการประชุม World Summit เกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และจากแถลงการณ์ในหลักการและแผนในการดำเนินการจากการประชุม World Summit เกี่ยวกับสังคมแห่งข้อมูลข่าวสาร (Declaration of Principles and the Plan of Action of the World Summit on the Information Society) อังค์ถัดควรที่จะสนับสนุนเพื่อที่จะทำให้เกิดผลตามเป้าหมายที่ได้ตกลงไว้ในระดับระหว่างประเทศในแถลงการณ์ระดับรัฐมนตรีโดฮา (Doha Ministerial Declaration) และผลการตัดสินใจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
I หัวข้อย่อยที่ 1
การพัฒนาความสอดคล้องในทุกระดับสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และการกำจัดความยากจนในการกำหนดนโยบายในระดับโลก
รวมไปถึงการสนับสนุนแนวทางในระดับภูมิภาค
A. การวิเคราะห์นโยบาย
12. ในระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ประเด็นการปฏิรูปเศรษฐกิจในระดับชาตินั้นได้มาพึ่งแรงผลักดันของตลาดมากขึ้น เรื่อยๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร ด้วยการให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างที่จูงใจ และการลดลงของการแทรกแซงของภาครัฐ ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา นโยบายเหล่านี้ เมื่อผนวกกับสภาพแวดล้อมในระดับโลกที่เป็นใจ ได้ช่วยสนับสนุนการยกระดับการเจริญเติบโตของรายได้และเสถียรภาพในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม นโยบายเชิงรุกทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ซึ่งเอื้อการสะสมทุนและการยกระดับประสิทธิภาพในการผลิตนั้น ได้ถูกใช้ในกระบวนการบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจระหว่างประเทศของประเทศกำลัง พัฒนาต่างๆ อย่างประสบความสำเร็จ และในการปรับปรุงสวัสดิการของประชากรทุกกลุ่มอย่างยั่งยืน
13. การ บูรณาการและความร่วมมือในระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงความคิดริเริ่มและข้อตกลงต่างๆ ที่มีลักษณะเฉพาะ ได้กลายมาเป็นลักษณะที่โดดเด่นของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรมเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากในด้านเศรษฐกิจ การบูรณาการในระดับที่สูงขึ้นของประเทศกำลังพัฒนาและภูมิภาคต่างๆ สามารถกระจายการสนับสนุนให้วาระในการพัฒนาในระดับประเทศได้ ตลอดจนสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและประสิทธิภาพได้ ซึ่งรวมไปถึงการสร้างโอกาสทางด้านการค้าและการทำให้เกิดผลประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดสำหรับประเทศที่เข้าร่วม และ การบูรณาการข้างต้นก็มีความสำคัญสำหรับประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดเล็กเช่น กัน เมื่อพิจารณาจำนวนของความริเริ่มในการบูรณาการในระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้นนั้น จะเห็นได้ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศกำลังพัฒนาสมควรจะได้รับความสนใจพิเศษในระดับ ที่ต่างๆ ของการพัฒนา
14. เพื่อ ที่จะเกื้อหนุนกับความพยายามเพื่อการพัฒนาในระดับชาติ จำเป็นจะต้องส่งเสริมความสอดคล้องกัน ธรรมาภิบาล และความต่อเนื่องของระบบเงินตรา การเงิน และการค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จนั้น จะต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับการยกระดับธรรมาภิบาลในระบบเศรษฐกิจโลก และการเพิ่มบทบาทความเป็นผู้นำขององค์การสหประชาชาติในการยกระดับการพัฒนา ในวัตถุประสงค์เดียวกัน ควรใช้ความพยายามมากขึ้นในระดับชาติ เพื่อปรับปรุงการประสานงานของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นเดียวกัน การประสานนโยบายและโครงการต่างๆ ของหน่วยงานระดับนานาชาติ และความสอดคล้องในระดับปฏิบัติการและระดับนานาชาติควรที่จะได้รับการสนับ สนุนเพื่อที่จะนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาของแถลงการณ์แห่งสหัสวรรษใหม่เรื่อง การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การกำจัดความยากจน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
15. การ เติบโตอย่างรวดเร็วในเศรษฐกิจโลกในระยเวลาที่ผ่านมานี้ เกี่ยวพันกับความไม่สมดุลกันอย่างมากของบัญชีเดินสะพัดและบัญชีทุน ความไม่สมดุลในระดับโลกเป็นสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องส่งเสริมเสถียรภาพของระบบการเงินระหว่างประเทศและการ เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ความพยายามของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund) และการประชุมเสถียรภาพทางการเงิน (Financial Stability Forum) ตลอด การพิจารณาโดยคณะกรรมกรรมการทางด้านการเงินและเงินตราระหว่างประเทศ เพื่อสร้างเครื่องมือเพื่อส่งเสริมเสถียรภาพของระบบการเงินระหว่างประเทศและ เพื่อยกระดับกลไกการป้องกันวิกฤตนั้น เป็นสิ่งที่น่ายินดี
16. ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงมีสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศเอื้อต่อการเกิดหนี้ภายนอก ของประเทศกำลังพัฒนา สภาพคล่องที่ดีขึ้นในระดับโลกและพัฒนาการของนโยบายในประเทศกำลังพัฒนาได้ลด ความเสี่ยงของนักลงทุนระหว่างประเทศ และนำไปสู่การไหลเวียนขนาดใหญ่ของเงินทุนเอกชนไปสู่ประเทศที่มีรายได้ขนาด กลาง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจในปัจจุบันสามารถบ่งชี้ได้ว่า เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยเหล่านี้ไม่อาจที่จะมีได้ตลอดไป ยิ่งไปกว่านั้น บางประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศและประเทศที่อยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ทางเศรษฐกิจ ยังคงมีปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดขนาดใหญ่
17. การคลังที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการเก็บภาษีนั้น เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการพัฒนาทางด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม ในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ ฐานของภาษีที่มีประสิทธิภาพมีขนาดเล็กเกินไปที่จะสร้างรายได้เข้าคลังได้ เพียงพอ และความสามารถของหน่วยงานในการจัดเก็บภาษีและนโยบายกระจายรายได้มีความ อ่อนแอ ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒาอน่างเป็นทางการ (ODA) สามารถ ที่จะช่วยประเทศหนึ่งๆ ไปถึงระดับที่มีความเพียงพอในการจัดสรรทรัพยากรภายในประเทศภายใต้เวลาที่ เหมาะสม ในขณะที่ทุนมนุษย์ ประสิทธิผล และความสามารถในการส่งออกจะต้องได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น หลายประเทศในแอฟริกา ประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด ประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นหมู่เกาะ และประเทศที่ไม่ติดทะเล ODA เป็นสิ่งที่ยังคงต้องพึ่งพาแหล่งเงินจากภายนอก และจำเป็นที่จะต้องบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาตามแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ แช่ นเดียวกับเป้าหมายตามแถลงการณ์แห่งสหัสวรรษใหม่ และเป้าหมายในการพัฒนาระหว่างประเทศอื่นๆ ที่ได้ตกลงไว้ ดังนั้นในขณะที่ประเทศต่างๆ ทุ่มเทความพยายามเพื่อพัฒนาทรัพยากรภายในประเทศให้พอเพียง การไหลเวียนของความช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพและความร่วมมือในการส่งความ ช่วยเหลือจึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายในการพัฒนา ระดับชาติและระดับระหว่างประเทศตามที่ได้ตกลงกัน ทั้งๆ ที่มีความตกลงในการปลดหนี้ หลายๆ ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศยังคงเผชิญกับความท้าทายทางด้านการเงิน และยังต้องการที่จะได้รับความสนับสนุนจากนานาชาติอีกต่อไป พันธสัญญา ODA ซึ่งรวมไปถึงพันธสัญญาที่ประเทศพัฒนาแล้วกำหนดระดับ ODA ไว้ที่ 0.7 เปอร์เซนต์ของผลิตมวลรวมประชาชาติ (GNP) ภาย ในปี 2015 ควรที่จะทำให้เป็นจริงในบริบทของการเป็นหุ้นส่วนในระดับโลกที่อยู่บนพื้นฐาน ของการรับผิดชอบร่วมกัน พันธสัญญาใหม่สำหรับการช่วยเหลือซึ่งให้ไว้โดยผู้บริจาคหลายๆ ประเทศควรที่จะต้องทำให้ ODA ที่เป็นตัวเงินสุทธิสูงกว่าระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงต้นค.ศ. 1990
B. การตอบสนองต่อนโยบาย
18. ความพยายามของประเทศกำลังพัฒนาเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาตามที่ ได้ตกลงไว้ในระดับระหว่างประเทศนั้น ควรจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนในระดับโลกเพื่อการพัฒนา และระบบขององค์การสหประชาติที่เข้มแข็ง ซึ่งสามารถตอบสนองตอบสนองและรับผิดชอบต่อความต้องการและลำดับความสำคัญของ แต่ละประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศกำลังพัฒนา
19. ความ หลากหลายทางนโยบายสามารถช่วยให้แต่ประเทศสามารถบรรลุลำดับความสำคัญและวัตถุ ประสงค์ในการพัฒนา ความหลากหลายของเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ทุนมนุษย์ และประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์หมายความว่า ในขณะที่หลักการทั่วไปในการบรรลุการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และการพัฒนามนุษย์สามารถสร้างขึ้นได้ แต่ไม่สามารถมีตัวแบบอย่างที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียวสำหรับการบริหารการ ปกครองและสถาบันที่มุ่งส่งเสริมการเติบโต นโยบาย และการปฏิบัติที่เฉพาะเจาะจงที่จำเป็นต่อการบริหารการปกครองและสถาบันที่ มุ่งส่งเสริมการเติบโตนั้น ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์อย่างละเอียดและแม่นยำ ซึ่งสามารถบ่งชี้ถึงข้อจำกัดที่มีอยู่ต่อการเจริญเติบโตที่นำโดยภาคเอกชนและ การพัฒนา ดังนั้นยุทธศาสตร์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาควรคำนึงถึงความต้องการและสภาวะแวด ล้อมของแต่ละประเทศ
20. รัฐจะถูกเรียกร้องให้เลิกการประกาศใช้และการดำเนินมาตรการเศรษฐกิจทาง เศรษฐกิจ การเงิน และการค้าแบบเอกภาคีที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฏบัตรของ องค์การสหประชาชาติที่ขัดขวางการบรรลุความสำเร็จในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและ สังคม โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา และที่มีผลกระทบกับผลประโยชน์ทางการค้า การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงตลาด การลงทุนและเสรีภาพในการเคลื่อนย้าย และความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศที่ได้รับผลกระทบ
21. แต่ ละประเทศมีความรับผิดชอบเบื้องต้นสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของตัวเอง และบทบาทของนโยบายและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระดับชาติไม่สามารถตอกย้ำเกินความ จริงได้ ความพยายามในการพัฒนาระดับชาติต้องการการสนับสนุนจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ในระดับประเทศและระหว่างประเทศที่เหมาะสม และการดำเนินยุทธศาสตร์การพัฒนาแห่งชาติที่มีประสิทธิภาพจะได้รับประโยชน์ จากมาตรการเสริมทางนโยบายในระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมถึงความสอดคล้องกันอย่างกว้างขวางในระบบเงินตรา การเงิน และการค้าระหว่างประเทศ การพัฒนา อย่างยั่งยืนในระดับชาติและระดับระหว่างประเทศต้องการนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ที่เอื้อต่อการเติบโต ซึ่งคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม และนโยบายเชิงโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพ นโยบายดังกล่าวควรที่จะทำร่วมกับความพยายามที่เพิ่มขึ้นในการพัฒนา ประสิทธิผลของรัฐบาล คุณภาพของกฎเกณฑ์ ความโปร่งใส และการตรวจสอบได้ นโยบายทางด้านการค้าควรจะต้องถูกบูรณาการเข้ากับกรอบนโยบายในประเทศและแผน ยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาระดับชาติอย่างเต็มที่ การกำจัดความยากจนและการค้าควรที่จะถูกรวมเข้ากับกรอบความช่วยเหลือเพื่อการ พัฒนาขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Development Assistance Frameworks - UNDAFs)
22. มีความเชื่อโยงกันอย่างใกล้ชิดระห่างการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการกำจัดความ ยากจนกับการเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้หญิง ความเชื่อมโยงดังกล่าวมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ได้ตกลงกัน ไว้ในระดับระหว่างประเทศ ความเท่าเทียมกันทางเพศและการเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้หญิงควรที่จะเป็น กระแสหลักในนโยบายและการดำเนินการเพื่อการพัฒนา
23. ใน ระดับชาติ ความสอดคล้องระหว่างนโยบายเศรษฐกิจจุลภาคและมหภาคนั้นเป็นสิ่งสำคัญ นโยบายเศรษฐกิจจุลภาคและนโยบายเชิงโครงสร้างสามารถถูกออกแบบเพื่อสร้างแรง จูงใจในการลงทุน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งพัฒนาความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศของกิจการภายในประเทศ ผลกระทบของนโยบายที่จะส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและการยกระดับเทคโนโลยี สามารถเพิ่มขึ้นได้ด้วยนโยบายดึงดูดการค้าและการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) และ นโยบายการแข่งขัน ส่วนนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและแรงจูงใจในการลงทุนภายในประเทศดูเหมือนว่าจะ ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นการลงทุน เมื่อได้รับการเกื้อหนุนจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและเทคโนโลยี การบูรณาการทางการค้าจะเกิดผลมากที่สุดเมื่อได้เชื่อมต่อกับการยกระดับ เทคโนโลยี และจะเพิ่มมูลค่าสินค้าภายในประเทศผ่านเครื่อข่ายภายในประเทศของการเชื่อม โยงการผลิตที่ไปข้างหน้าและถอยกลับ
24. การจัดการเศรษฐกิจมหภาคของรายได้ทางการคลังและอัตราแลกเปลี่ยนจากการส่งออก สินค้าโภคภัณฑ์ควรมีเป้าหมายที่จะรับประกันได้ว่า การเติบโตในราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีส่วนทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง การจัดเก็บรายได้ที่เข้มแข็งขึ้น ตลอดจนการสร้างความโปร่งใส การทำให้เกิดความหลากหลาย การทำให้เป็นอุตสาหกรรม และการจ้างงานที่ยั่งยืน ภายใต้การสนับสนุนจากชุมชนระหว่างประเทศนั้น ประเทศกำลังพัฒนาที่ร่ำรวยทรัพยากรควรใช้รายได้จากราคาทรัพยากรที่เพิ่มสูง ขึ้นเพื่อที่ประกันความยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการลงทุนวัตถุดิบและทุนมนุษย์ และด้วยการจัดการกับการจ้างงานและความต้องการของสังคม
25. ใน ประเทศกำลังพัฒนา ความจำเป็นของการพัฒนาวิสาหกิจและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างสื่อให้เห็นถึงการ จัดเตรียมโดยกลไกของสถาบันเพื่อนำนโยบาย ซึ่งมุ่งให้เกิดระดับการลงทุนที่สูงและรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปปฏิบัติใช้ หลักการชี้นำในการปฏิรูปสถาบันนั้นควรที่จะมุ่งจัดการกับปัญหาความล้มเหลว ของข้อมูล การประสานงาน และการสื่อสาร ซึ่งทำลายการตัดสินใจของผู้ประกอบการ และควรที่จะมุ่งพัฒนาความโปร่งใส
26. การมีส่วนร่วมของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่ระบบเศรษฐกิจอยู่ในช่วงการ เปลี่ยนผ่าน ในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการวางบรรทัดฐาน ควรเปิดกว้างมากขึ้น ความพยายามที่จะปฏิรูปโครงสร้างการเงินระหว่างประเทศยังคงมีความสำคัญ ทั้งนี้การเพิ่มการมีส่วนร่วมของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่อยู่ในช่วง เปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจในสถาบันเบรนตันวู้ดส์ยังคงเป็นความกังวลที่จะยังมี อยู่ต่อไป
27. ความ ร่วมมือในระดับภูมิภาคในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา เช่นเดียวกับการบูรณาการ สามารถที่จะทำให้ยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติและความตกลงพหุภาคีเกิดความ แข็งแกร่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มการเติบโตของผลผลิต การค้า และอิทธิพลของประเทศกำลังพัฒนา ความร่วมมือสามารถดังกล่าวสามารถก่อให้เกิดผลประโยชน์ของการพัฒนาอย่างมีนัย สำคัญ ถ้าหากขยายไปไกลกว่าการเปิดเสรีการค้า และรวมเอานโยบายที่ส่งเสริมการเติบโต เสถียรภาพ การพัฒนาอุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐาน การจ้างงาน และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง นอกจากนั้นยังสามารถที่จะสนับสนุนแนวทางของนวัตกรรม และขยายทางเลือกของนโยบายเพื่อการพัฒนา ความร่วมมือทางด้านเงินตราและเศรษฐกิจระดับภูมิภาคสามารถจะเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างมากต่อวิวัฒนาการในอนาคตของระบบเงินตราระหว่างประเทศ กลไลการเงินของภูมิภาค เช่นธนาคารเพื่อการพัฒนาของภูมิภาค หรือตลาดเงินทุนของภูมิภาค สามารถที่จะทำให้เกิดสถาบันทางการเงินที่ประสบความสำเร็จได้ และสามารถเกื้อหนุนอลค์กรระหว่างประเทศ และกลายเป็นแหล่งทรัพยากรทางการเงินในระยะยาวได้ โดยเฉพาะสำหรับเศรษฐกิจขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีตลาดการเงินภายในประเทศที่ได้รับการพัฒนาแล้ว นอกจากนี้ รูปแบบอื่นของการพัฒนาที่เกี่ยวกับธนาคารกลางของภูมิภาคมีความสัมพันธ์กับ การอำนวยความสะดวกทางด้านการค้า และการให้เงินในระยะสั้น การจัดการภายในภูมิภาคเพื่อส่งเสริมอัตราแลกเปลี่ยนที่มีเสถียรภาพในหมู่ ประเทศในภูมิภาค ซึ่งมีส่วนแบ่งในการค้าและการเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศในระดับที่สูง งสามารถที่จะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ก่อให้เกิดตลาดเดียวได้
28. มี ความจำเป็นที่จะปรับปรุงให้บทบาทของข้อตกลงในภูมิภาคและอนุภูมิภาค ตลอดจนเขตการค้าเสรี ให้สอดคล้องกับระบบการค้าพหุภาคี ในสร้างระบบการค้าโลกที่ดียิ่งขึ้น สถาบันการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึงธนาคารเพื่อการพัฒนาในภูมิภาค ควรที่จะสานต่อการสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนการบูรณาการของภูมิภาคและอนุภูมิภาคในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา และประเทศที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ
29. เสถียรภาพ ทางเงินตราและการเงินในระดับชาติและนานาชาติ และกลไกป้องกันความเสี่ยง เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนและการเจริญเติบโต ทุกประเทศสามารถสนับสนุนให้เกิดเสถียรภาพทางการเงินระหว่างประเทศ ด้วยการส่งเสริมระบบกฎเกณฑ์ที่โปร่งใส คาดการณ์ได้ และมีประสิทธิภาพ ในระดับชาติและนานาชาตินั้น เสถียรภาพทางการเงินตราและการเงินจำเป็นจะต้องถูกสนับสนุนด้วยสถาบันที่มี ประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถตรวจหาและป้องกันป้องกันวิกฤตที่อาจมีได้ ในทุกระดับ จำเป็นจะต้องมีข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่โปร่งใส ถูกต้อง และตรงต่อเวลา การตรวจสอบของโครงสร้างหนี้อย่างเป็นประจำ และการวิเคราะห์อย่างครอบคลุมในกระแสของทุนระห่วางประเทศ
30. การ ตรวจตราในระดับพหุพาคีจำเป็นจะต้องมีศูนย์กลางอยู่ที่ความพยายามในการ ป้องกันวิกฤต และควรที่จะให้ความสำคัญไม่ใช่เฉพาะประเทศที่มีแนวโน้มที่จะเกิดวิกฤตเท่า นั้น แต่จะต้องให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของทั้งระบบ มาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของกระแสการไหลเวียน ของทุนในระยะสั้น และมาตรการเพื่อปรับปรุงความโปร่งใสและข้อมูลเกี่ยวกับการไหลของเงินเป็น สิ่งสำคัญและควรที่จะต้องพิจารณา
31. มาตรการ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากความผันผวนภายในและภายนอกสำคัญต่อความพยายามป้องกัน วิกฤตและควรได้รับการพัฒนา นอกเหนือไปจากความพยายามในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงิน มาตรการทางนโยบายและความช่วยเหลือทางวิชาการเพื่อสนับสนุนการตอบสนองต่อความ เสี่ยงของทางการ ซึ่งรวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการจัดการเศรษฐกิจมหภาค การระดมทรัพยากรภายในประเทศ และการสน้บสนุนความยั่งยืนของหนี้นั้น เป็นสิ่งสำคัญ
32. ความ ยั่งยืนของหนี้สำคัญต่อการเจริญเติบโตที่แข็งแรง และด้วยการจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังสำคัญต่อความพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาระดับชาติ การวิเคราะห์ความยั่งยืนของหนี้นั้นได้แสดงบทบาทสำคัญในการตรวหาโอกาสในการ เกิดวิกฤตหนี้ ทรัพยากรทางการเงินที่ได้มาผ่านการบรรเทาหนี้ควรมุ่งไปสู่กิจกรรมที่สอด คล้องกับการกำจัดความยากจน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การพัฒนาที่ยั่งยืน และการบรรลุถึงเป้าหมายของการพัฒนาที่ได้รับการตกลงในระดับชาติ ซึ่งรวมไปถึงการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ความคิดริเริ่มของประเทศยากจนที่ตกอยู่ในภาวะหนี้สินอย่างหนัก (HIPC Initiative) และความคิดริเริ่มในการบรรเทาหนี้แบบพหุภาคี (Multilateral Debt Relief Initiative) ควรถูกดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ และทรัพยากรเพิ่มเติมควรถูกทำให้แน่ใจว่า ความสามารถทางการเงินของสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศนั้นไม่ลดลง มีความจำเป็นสำหรับเจ้าหนี้ ซึ่งรวมถึงประเทศนอกกลุ่มปารีสและผู้ให้กู้ที่เป็นสถาบันการเงิน ให้เกิดการมีส่วนร่วมบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน ผู้บริจาคจะถูกเรียกร้องเพื่อให้แน่ใจว่า ข้อผูกมัดที่มีต่อความคิดริเริ่มในการบรรเทาหนี้แบบพหุภาคีและ HIPC Initiative จะ ถูกเพิ่มเติมเข้าไปในการไหลเวียนของความช่วยเหลือที่มีอยู่ เจ้าหนี้และลูกหนี้จะได้รับการสนับสนุนให้ทำตามพันธสัญญาอย่างเร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และสนับสนุนเพื่อให้มีส่วนร่วมในการให้กู้-ยืมอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้บรรลุความยั่งยืนของการเป็นหนี้ กลไก เช่น debt swap ควรมีการนำไปใช้อย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมบนพื้นฐานของแต่ละกรณี
33. ในขอบเขตของ ODA ประเด็น ในเรื่องจำนวนและคุณภาพได้เพิ่มความท้าทายในเชิงการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนขึ้น ทั้งการวัดปริมาณของเงินช่วยเหลือ และการวัดคุณภาพและประสิทธิภาพในการนำไปใช้นั้นต่างก็ไม่ใช่วิธีที่ง่าย การร่วมมือในระดับที่สูงขึ้นในหมู่ผู้ร่วมมือในการพัฒนาและสถาบันระหว่าง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจรวมไปถึงผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของ ODA ใน การพัฒนทางด้านการเงิน สามารถที่จะพัฒนาความรู้สึกการเป็นเจ้าของประเทศนั้นๆ การเข้าใกล้ถึงการจัดลำดับความสำคัญในการใช้ทรัพยากรจากภายนอก และการโปร่งใสซึ่งกันและกัน ในแง่นี้ แถลงการณ์ปารีสว่าด้วยประสิทธิผลของความช่วยหลือ (Paris Declaration on Aid Effectiveness) นั้น ได้ให้การสนับสนุนที่สำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่สหประชาชาติสามารถสร้างขึ้นได้ การประชุมยินดีต่อทรัพยากรที่เพิ่มขึ้น อันเกิดมาจากผลของการก่อตั้งกรอบของเวลาโดยประเทศพัฒนาแล้วต่างๆ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย 0.7 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสำหรับการช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา อย่างเป็นทางการภายในปี 2015 และพยายามที่จะบรรลุให้ถึงอย่างน้อย 0.5 เปอร์เซนต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ สำหรับการช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการภายในปี 2010 และเช่นเดียวกันตามที่แผนปฏิบัติการบรัสเซลล์สำหรับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด สำหรับทศวรรษ 2001 ถึง 2010 (Brussels Programme of Action for the Least Developed Countries for the Decade 2001-2010) นั้น 0.15 เปอร์เซนต์ ถึง 0.20 เปอร์เซนต์สำหรับประเทศพัฒนาน้อยที่สุดนั้นไม่ให้เกินปี 2010 และกระตุ้นประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งยังไม่ได้ทำตามนั้น ควรที่จะสร้างความพยายามอย่างชัดเจนในการที่จะทำตามพันธสัญญา
34. ความ ร่วมมือระหว่างประเทศควรได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อความพยายามในการ พัฒนาของประเทศที่มีรายได้ระดับกลาง โดยคำนึงถึงลักษณะและสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความต้องการที่เฉพาะเจาะจงและการจัดลำดับความสำคัญของประเทศเหล่านั้น
C. การสนับสนุนจาก UNCTAD
35. ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในระบบของสหประชาติในการช่วยเหลือแบบ บูรณาการทางด้านการค้า และการพัฒนา ตลอดจนในประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางด้านการเงิน เทคโนโลยี การลงทุน และการพัฒนาที่ยั่งยืน อังค์ถัดควรที่จะทำการวิจัยและวิเคราะห์นโยบายเศรษฐศาสตร์มหภาค การค้า การลงทุน การเงิน หนี้ และความยากจน ตลอดจนการพึ่งพาระหว่างกัน การวิจัยต่างๆ นั้นควรถูกใช้ในการให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาให้ไปถึงเป้าหมายของการ พัฒนา ซึ่งรวมไปถึงการกำจัดความยากจน เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน และการที่จะให้ความสำคัญกับโอกาสและความท้าทายที่สร้างขึ้นโดยกระแสโลกาภิ วัฒน์
36. อังค์ถัดควรดำรงบทบาทสำคัญในการทำการวิเคราะห์นโยบาย และการบ่งชี้ทางเลือกของนโยบายในระดับโลกและระดับประเทศ ในการทำงานต่างๆ เกี่ยวข้องกับโลกาภิวัฒน์ และยุทธศาสตร์ในการพัฒนา อังค์ถัดควรให้ความสนใจในประเด็นต่างๆ ต่อไปนี้
37. ความเชี่ยวชาญของอังค์ถัด ควรที่จะถูกใช้ในการที่จะค้นหาว่า โลกาภิวัฒน์สามารถสนับสนุนการพัฒนารวมทุกภาคส่วนและยุติธรรม การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน และยุทธศาสตร์การพัฒนาที่เหมาะสม ซึ่งรวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับภาคเอกชนได้อย่างไร อังค์ ถัดควรที่จะสนับสนุนเป้าหมายในการสนับสนุนการจ้างงานเต็มอัตราและมี ประสิทธิภาพ โดยการตรวจสอบผลประโยชน์ของการค้าที่มีต่อการเติบโต การสร้างการจ้างงาน และการลดความยากจน ผ่านความร่วมมือกันกับองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ตลอดจนสถาบันระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
38. ในระดับนานาชาติ งานของอังค์ถัดควรที่จะสนับสนุนให้เกิดการเพิ่มขึ้นของความสอดคล้องในกระบวน การการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของความพึ่งพาระหว่างกัน และความสอดคล้องกันของการค้าระหว่างประเทศ การลงทุน นโยบายการเงิน และการจัดการ ภายใต้มุมมองที่จะช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาให้บูรณาการเข้าสู่เศรษฐกิจ ระดับโลก และให้ได้รับผลตอบแทนที่มากยิ่งขึ้นจากโลกาภิวัฒน์
39. ในระดับชาติ เรื่องที่อังค์ถัดควรที่จะให้ความสนใจพิเศษ คือ
40. อังค์ ถัดควรที่จะสานต่อในการวิเคราะห์หนี้ และประเด็นด้านการเงินในการพัฒนาทาง และควรที่จะรักษาความสามารถในการสร้างแผนงานต่างๆ สำหรับการจัดการหนี้สาธารณะ บนพื้นฐานของการวิเคราะห์งานของอังค์ถัดควรที่จะสานต่อการให้ความช่วยเหลือ ทางด้านเทคนิค และสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการสร้างความสามารถระดับชาติผ่านโครงการระบบ การจัดการหนี้และการวิเคราะห์การเงิน (Debt Management and Financial Analysis System - DMFAS) ผ่านความร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคาร โลก และสถาบันอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อังค์ถัดควรที่จะสานต่อในการสนับสนุนกระบวนการพหุพาคีว่าด้วยหนี้และการเงิน ต่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึงใน “กลุ่มปารีส” (Paris Club) และเวทีความร่วมมือในการพัฒนา ควรจะต้องมีการแสวงหาการทำงานร่วมกันระหว่างงานด้านการวิเคราะห์กับความช่วยเหลือทางเทคนิค
41. อังค์ถัดจะต้องเพิ่มความสนใจเป็นพิเศษต่อความต้องการของประเทศพัฒนาน้อยที่ สุดและแอฟริกา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่อังค์ถัดดูแล และสอดคล้องกับแผนการดำเนินการกรุงเทพ (Bangkok Plan of Action) และฉันทามติเซาเปาโล (Sao Paolo Consensus) อังค์ถัดควรให้ความสนใจพิเศษแก่กลุ่มประเทศที่มีความต้องการพิเศษ อังค์ถัดควรที่จะสนับสนุนเพื่อให้เกิดความพยายามของระบบของสหประชาชาติในการ สร้างคำแนะนำทางนโยบายที่นำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อให้แน่ใจว่าโลกาภิวัฒน์จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนา บนพื้นฐานของความเชี่ยวชาญและความได้เปรียบอังค์ถัด
42. อังค์ ถัดควรที่จะสนับสนุนความพยายามในการพัฒนาของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง โดยเฉพาะประเทศที่ประสบความท้าทายพิเศษในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและ การกำจัดความยากจน
43. ตาม ปกติแล้ว อังค์ถัดมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหมู่ประเทศกำลัง พัฒนาในทั้งเสาสามหลักของภารกิจต่างๆ อังค์ถัดควรที่จะสร้างความแข็งแกร่งในเรื่องนี้โดย (a) การวิจัยเชิงลึกและการวิเคราะห์การทำงานร่วมกันที่เกิดขึ้นโดยการค้าใต้-ใต้ การลุงทุน และการเงิน (b) การพัฒนาข้อมูล และเครื่องมือในการวิเคราะห์เกี่ยวกับการไหลเวียนและความร่วมมือใต้-ใต้ และ (c) การสนับสนุนความร่วมมือใต้-ใต้และสามเหลี่ยมความร่วมมือ
44. การ สนับสนุนประชาชนชาวปาเลนไตน์จะต้องเพิ่มมากขึ้นเพื่อบรรเทาสถานการณ์ทาง เศรษฐกิจและสังคมที่เลวร้ายในเขตแดนปาเลสไตน์ ผ่านการสร้างเงื่อนไขที่เอื้อให้เกิดการสร้างอธิปไตยและรัฐปาเลสไตน์ที่สอด คล้องกับมติของสหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง แผนสันติภาพ (Road Map) บันทึกความเข้าใจร่วมของการปรุชมแอนนาโปลิส (Annapolis Conference Joint Understanding) และการประชุมปารีส (Paris Conference) โครงการในการช่วยเหลือประชาชนชาวปาเลสไตน์ในด้านการสร้างขีดความสามารถ นโยบายทางการค้า การอำนวยความสะดวกทางการค้า การจัดการทางการเงิน ยุทธศาสตร์การพัฒนา การพัฒนาบริษัท และการลงทุน ของอังค์ถัดนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี และควรสนับสนุนด้วยทรัพยากรที่เพียงพอและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
II หัวข้อย่อยที่ 2
ประเด็นทางด้านการค้า และการพัฒนาที่สำคัญ
และความจริงใหม่ของภูมิทัศน์ในเศรษฐศาสตร์ระดับโลก
A. การวิเคราะห์นโยบาย
45. การ เข้าร่วมในระบบการค้าระหว่างประเทศ ได้สร้างโอกาส และความท้าทายสำหรับประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด กำลังพัฒนาบางประเทศได้กลายมาเป็นพลวัตของภูมิภาคและของโลกในด้านการค้า การแข่งขันสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ได้มีความเข้มข้นขึ้น มีการก้าวไปสู่การรวมกลุ่มภูมิภาค ในการแสวงหาแรงงาน ทักษะ และบริการที่แข่งขันได้ในเชิงคุณภาพและต้นทุน เดิมพันขึ้นอยู่กับความรู้ นวัตกรรม และความเหนือกว่าทางเทคโนโลยี การลดการกีดกันทางการค้าสามารถส่งเสริมการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนศักยภาพในการผลิตและรายได้ที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มการเข้าถึงสินค้า และบริการ อย่างไรก็ตามโดยปกติแล้วตลาดที่เปิดมากขึ้นนั้นจะนำมาซึ่งการปรับต้นทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศกำลังพัฒนากังวล ประเด็นนี้จะถูกจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนามั่นใจได้ ว่า การเปิดเสรีการค้าส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ การพัฒนา และการลดความยากจน การสร้างผลประโยชน์และลดต้นทุนของการเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศให้ได้มาก ที่สุดนั้น จะต้องมีนโยบายที่สอดคล้องและเกื้อหนุนและธรรมาภิบาลในทุกระดับ
46. ความ ท้าทายในการพัฒนาระบบการค้าพหุพาคีในระดับที่สูงขึ้นก็คือ การทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่า การค้าจะเป็นกลไกของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนการกำจัดความยากจน ระบบการค้าพหุภาคีที่ใช้การได้ดี ครอบคลุม ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ เปิด ไม่แบ่งแยก และเท่าเทียมนั้น สามารถสร้างผลประโยชน์ที่สำคัญสำหรับการพัฒนาได้ การเจรจาการค้าพหุภาคีรอบโดฮาควรที่จะสนับสนุนเป้าหมายข้างต้น ดังนั้นการประชุมรอบโดฮาควรที่จะอำนวยให้เกิดการบูรณาการที่จะเป็นประโยชนืข องประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมไปถึงประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดและประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยน ผ่านทางเศรษฐกิจ ให้เข้าสู่ระบบการค้าระหว่างประเทศ และท้ายที่สุด ควรที่จะทำให้เกิดหลักประกันในความเท่าเทียม ความสมดุล ความเที่ยงตรง และตลาดเสรี ในหมู่ประเทศสมาชิก
47. การเข้าถึงองค์การการค้าโลก (WTO) เป็น ส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศส่วนใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสร้างผลประโยชน์อย่างเต็มที่จากระบบการค้า ระหว่างประเทศ การทำให้การเป็นสมาชิกของ WTO ครอบคลุมทั่วโลกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ ในขณะที่การร่วมมือใน WTO นำมาซึ่งผลประโยชน์ แต่ WTO ก็ มีกระบวนการที่ซับซ้อนและยุ่งยาก ในบางกรณี ประเทศสมาชิกก็มีการขาดแคลนทรัพยากร นโยบาย และสถาบัน ที่เพียงพอ ในแง่นี้ ความสำคัญของความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคที่ให้โดยอังค์ถัด WTO และผู้ให้อื่นๆ นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด กระบวนการรับสมาชิกประเทศกำลังพัฒนาเข้าสู่ WTO ควรที่จะสอดคล้องกับข้อตกลงของ WTO และสถานะประเทศกำลังพัฒนาของพวกเขา การเข้าเป็นสมาชิกของประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ควรที่จะสอดคล้องกับข้อตกลงของ WTO และสถานะของพวกเขา บางประเทศมองว่า การเข้าเป็นสมาชิก WTO ทำให้ต้องเผชิญกับความต้องการที่มากเกินไป เกินกว่าพันธกรณีของสมาชิก WTO
48. ประเภท ของข้อตกลงทางการค้าในภูมิภาคที่แตกต่างกัน ซึ่งได้จัดทำขึ้นในหมู่ประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนา และระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา เป็นสิ่งที่กำลังแพร่ขยายออกไป เกือบจะ 50 เปอร์เซ็นต์ของการค้าขายสินค้าครอบคลุมอยู่ในข้อตกลงทางการค้าในภูมิภาค และไม่ได้รับการปฏิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับการอนุเคราะห์ยิ่ง การบูรณาการในภูมิภาคสามารถช่วยประเทศกำลังพัฒนาในการเอาชนะข้อจำกัดของขนาด เศรษฐกิจที่มีขนาดเล็กด้วยการสร้างโอกาสในการค้า การปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น การเพิ่มความดึงดูดสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ การ สร้างความประหยัดต่อขนาด และการเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับประเทศซึ่งเป็นสมาชิกของการบูรณาการในภูมิภาค ดังนั้นการบูรณาการในภูมิภาคจึงช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และในขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคง ข้อตกลงการค้าในภูมิภาคควรมีความโปร่งใส และสอดคล้องกันกับกฎเกณฑ์การค้าพหุภาคี และควรออกแบบให้ส่งเสริมสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
49. แต่ อย่างไรก็ตาม การกัดเซาะทีละเล็กละน้อยซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัยนั้น ได้แก่ ปัจจัยภายใน การเปิดเสรีการค้าแบบพหุภาคี การเอื้อประโยชน์ทางการค้า ซึ่งรวมไปถึง GSP ได้แสดงบทบาทที่เป็นประโยชน์ใน การช่วยเหลือประเทศต่างๆ ในการเข้าถึงตลาด และสามารถแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผนวกเข้ากับยุทธศาสตร์ระดับชาติในระยะยาวที่สนับสนุน ให้เกิดการปรับตัวไปสู่ตลาดการค้าระหว่างประเทศที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น
50. ความ ท้าทายเกี่ยวกับการค้าสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ยังคงเป็นวาระหลักในศตวรรษที่ 21 ในขณะที่การเติบโตของสินค้าโภคภัณฑ์ในปัจจุบันได้ทำให้สถานการณ์ของสินค้า โภคภัณฑ์พื้นฐานในการค้าโลกดีขึ้น และช่วยฟื้นฟูบทบาทของการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ในการส่งเสริมการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและการลดความยากจนในเศรษฐกิจโลกาภิวัฒน์ แต่ความเป็นจริงก็คือ เศรษฐกิจสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีความผันผวนในราคา ยังคงจำกัดประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด ในการได้รับผลประโยชน์ของการพัฒนาจากการผลิตและการค้าสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐาน และยังคงสร้างความยุ่งยากในกระบวนการสร้างความหลากหลาย การ กลับมาใหม่ในระยะยาวของความต้องการและมูลค่าของสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐาน ในการค้าโลก ควรที่จะคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่ว่า ประเทศกำลังพัฒนาที่พึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์อาจสามารถสร้างผลประโยชน์จากการค้า สินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อเยียวยาข้อจำกัดทางด้านการเงิน และทำให้สร้างเศรษฐกิจบนพื้นฐานเส้นทางการเติบโตที่ยั่งยืนของการมีรายได้ ที่เพิ่มขึ้น ความหลากหลาย และการลดลงของความยากจน การคาดการณ์เหล่านี้ได้เพิ่มโอกาสและความท้าทายสำหรับการค้าและการพัฒนา ตลอดจนความต้องการสำหรับการตอบสนองในเชิงนโยบายที่เหมาะสมในระดับชาติ ภูมิภาค และนานาชาติ
51. ประเด็น ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีความเกี่ยวพันในขอบเขตที่ว่า ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นจะถูกแปลงไปสู่การเจริญเติบโตที่ ยั่งยืน การพัฒนา และการลดลงของความยากจน หัวใจหลักในประเด็นต่างๆ เหล่านี้คือ การสร้างความแข็งแกร่งและการเพิ่มความสนใจของธุรกิจต่างๆ ในวงจรอุปทานของสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศ และความต้องการสภาวะแวดล้อมที่แข่งขันได้สำหรับสินค้าโภค การ แข็งค่าขึ้นของอัตราแลกเปลี่ยนและการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน การกระจายของผลประโยชน์ระหว่างตัวแสดงที่แตกต่างกันในภาคสินค้าโภคภัณฑ์ การส่งผ่านรายได้ไปสู่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและทุนมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้สินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มมากขึ้นและการพัฒนาอย่าง ยั่งยืน การใช้สินค้าโภคภัณฑ์ในฐานะที่เป็นทรัพย์สิน และการเกี่ยวพันกันระหว่างความผันผวนทางพลังงานและราคาของอาหาร
52. ความ ร่วมมือใต้-ใต้มีความสำคัญเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับการหนุนจากการไหลเวียนปัจจัยที่เกี่ยวข้องนโยบาย และตลาด โอกาสใหม่สำหรับการค้า การลงทุน และการร่วมมือทางเศรษฐกิจในหมู่ประเทศกำลังพัฒนานั้น ต้องการถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และความโน้มเอียงนี้ควรที่จะได้รับการสนับสนุน และผลประโยชน์ควรที่ได้ขยายไปสู่ทุกภูมิภาค ความร่วมมือใต้-ใต้ควรที่จะเป็นตัวเสริมความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาแบบเหนือ-ใต้ นอกจากนั้นยังมีความเป็นไปได้อย่างมากสำหรับการค้าและการลงทุนในหมู่ประเทศ ที่มีเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และประเทศกำลังพัฒนา
53. ใน ขณะที่รัฐต่างๆ มีความรับผิดชอบในการให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนของตน แต่กฎระเบียบในทางเทคนิคควรที่จะถูกสร้างและนำไปปฏิบัติใช้ให้สอดคล้องกับ ข้อกำหนดของระบบการค้าพหุพาคี มีความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ของประเทศกำลัง พัฒนาในกระบวนการสร้างมาตรฐานระหว่างประเทศ ออกแบบมาตรฐานใหม่ให้โปร่งใสและครอบคลุม และเพิ่มความสามารถในเชิงสถาบันและเทคนิคในประเทศกำลังพัฒนา เพื่อสอดรับกับมาตรฐานใหม่ในตลาดการส่งออกให้ได้
54. ใน การที่โอกาสซึ่งเกิดขึ้นจากการเปิดเสรีและการบูรณาการจะถูกใช้ประโยชน์อย่าง เต็มที จำเป็นจะต้องมีสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะรวมไปถึงนโยบายการแข่งขันในระดับชาติและภูมิภาค และการร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อรับมือกับแนวทางปฏิบัติที่ไม่การเอื้อต่อการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่กระทบกับด้านการค้าและการพัฒนาของประเทศกำลัง พัฒนา ขอบเขตที่เพิ่มขึ้นของแนวทางปฏิบัติที่ไม่การเอื้อต่อการแข่งขัน ซึ่งรวมไปถึงการครอบงำ อาจปฏิเสธผลประโยชน์ของการเปิดเสรีการค้าและการลงทุนโดยประเทศกำลังพัฒนา
55. เศรษฐกิจ ภาคบริการเป็นชายแดนใหม่สำหรับการขยายตัวทางด้านการค้า ประสิทธิภาพในการผลิต และความสามารถในการแข่งขัน และสำหรับการจัดหาบริการที่สำคัญและการเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง ปีที่ผ่านมา ประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศทำได้ดีในการค้าบริการ การบูรณาการของประเทศกำลังพัฒนาในเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด ไปสู่เศรษฐกิจภาคบริการในระดับโลก และการเพิ่มขึ้นของการมีส่วนร่วมในบริการการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบและภาคของผลประโยชน์จากการส่งออก ยังคงเป็นความท้าทายในการพัฒนาที่สำคัญอยู่ กระบวนการของการเปิดเสรีจะเกิดขึ้นด้วยการคำนึงถึงเป้าหมายของนโยบายระดับ ชาติ ระดับของการพัฒนาของประเทศต่างๆ และกฎระเบียบในการเสรีนิยม ตามที่ระบุไว้ในมาตราที่ 14 ของข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยการค้าในภาคบริการ (GATS)
56. โลกา ภิวัฒน์และการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันก่อให้เกิดการย้ายถิ่นระหว่างประเทศ เพิ่มสูงขึ้น ปรากฏการณ์นี้ได้ถูกใช้เพื่อเน้นความสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างการย้ายถิ่น ระหว่างประเทศและการพัฒนา ผู้อพยพทั้งหมดควรได้รับการปฏิบัติตามความคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชนและ กฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงหลักการและสิทธิแรงงานที่ปรากฏอยู่ในแถลงการณ์ขององค์การแรงงาน ระหว่างประเทศว่าด้วยหลักการและสิทธิพื้นฐานในการทำงาน
57. กระบวน การผลิตที่โลกาภิวัฒน์ การค้าภายในบริษัท และการตรงต่อเวลาในการจัดส่ง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ต้องการบริการทางด้านการขนส่งการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพ ประหยัด และน่าเชื่อถือ และมีอุปสรรคในการบริหารที่น้อย การเข้าถึงเครือข่ายของการขนส่งในระบบโลก การ ลดลงของค่าใช้จ่ายการขนส่งและในการติดต่อทางธุรกิจ ตลอดจนมาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้าที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการเข้าร่วมในการค้าระหว่างประเทศ ในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด (LCDs) และ ประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเลนั้น ความจำเป็นพื้นฐานสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง และมาตรการอำนวยความสะดวกทางการค้าที่สำคัญยังมีความขาดแคลนอยู่ นอกจากนั้น การดำเนินการขั้นต่อไปจำเป็นจะต้องนำไปสู่ความสำเร็จในการนำมาตรการอำนวย ความสะดวกทางการค้าไปปฏิบัติใช้อย่างเต็มที่
58. การ เปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศควรที่จะได้รับการแก้ไข อันเนื่องมาจากการที่มีความเกี่ยวพันเศรษฐกิจ และมนุษย์ด้วยเช่นเดียวกัน การประชุมกรอบองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (United Nations Framework on Climate Change) ซึ่ง สอดคล้องกับหลักการความรับผิดชอบร่วมกัน แต่แตกต่างกัน และความสามารถที่ตามา เป็นเวทีที่เหมาะสมสำหรับการเจรจาต่อรองในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการลดลง ของภาวะโลกร้อน วิธีการที่จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศนั้นสามารถนัยทางการค้า และการพัฒนาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา
59. การ อนุรักษ์และการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนนั้น เป็นโอกาสใหม่สำหรับการค้าและการพัฒนาของประเทศกำลังพัฒนา เช่นเดียวกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่มีความ หลากหลายทางชีวภาพ ในบางประเทศ การค้าในผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ สามารถเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการยกระดับการพัฒนา แต่ในขณะเดียวกันก็รับรู้ถึงความสลับซับซ้อนในด้านสังคม วัฒนธรรม กฎหมาย และเศรษฐกิจของประเด็นนี้
60. ความ รู้เกี่ยวกับประเพณี ทรัพยากรทางพันธุกรรม นวัตกรรม และแนวทางปฏิบัติ เป็นทรัพย์สินที่สำคัญของประเทศกำลังพัฒนา แต่สิ่งต่างๆ เหล่านั้นสามารถกลายเป็นความสูญเสียและความยักยอกได้ การอนุรักษ์ การป้องกัน และการใช้อย่างยั่งยืนนั้นยังคงเป็นสิ่งสำคัญ
61. การช่วยเหลือเพื่อการค้า (Aid for Trade) เป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนา การช่วยเหลือเพื่อการค้าสามาระช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด โดยการใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเข้าถึงตลาดอย่างเต็มที่ การนำไปปฏิบัติใช้และการใช้ความช่วยเหลือสำหรับการค้าอย่างมีประสิทธิภาพ นั้น สามารถช่วยประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ใช้มาตรการที่เกี่ยวข้องที่จะช่วยพวกเขาในการนำไปปฏิบัติใช้และการได้รับ ประโยชน์จากข้อตกลงของ WTO และการขยายการค้าใน ภาพกว้าง การช่วยเหลือเพื่อการค้าไม่สามารถแทนที่ผลประโยชน์จากการพัฒนาที่ได้เกิด ขึ้นจากผลลัพธ์ที่ดีและสมดุลจากการประชุมรอบโดฮา แต่จะเป็นส่วนเกื้อหนุนที่มีคุณค่าสำเร็จประเทศกำลังพัฒนาเหล่านั้น
B. การตอบสนองต่อนโยบาย
62. ใน การที่จะสร้างให้กระแสโลกาภิวัฒน์ในกลายเป็นพลังในด้านบวกสำหรับทุกประเทศ นั้น ภายใต้ผลประโยชน์ที่มีร่วมกันอย่างเท่าเทียมกัน ชุดของนโยบายและความคิดริเริ่มในการพัฒนาที่สอดคล้องและครอบคลุมเป็นสิ่งจำ เป็น การสร้างความมั่นใจต่อการมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ คุณภาพ และมีประโยชน์ของทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา ในระบบการค้าระหว่างประเทศ เป็นความท้าทายและโอกาสที่สำคัญ
63. สมาชิกของ WTO ทั้งหมดควรที่จะยึดมั่นและยืนยันพันธสัญญาภายใต้ WTO เพื่อ ที่จะยกระดับระบบการค้าที่ใช้การได้ดี อยู่บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ เสรี เท่าเทียม และความคาดการณ์ได้ และไม่มีการแบ่งแยกซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนา ประเทศสมาชิกควรแสดงให้เห็นถึงความต้องการร่วมกันและเจตนารมณ์ทางการเมือง ที่จะบรรลุการเจรจาต่อรอง WTO รอบโดฮา และตระหนักถึงวาระหลัก ซึ่งสอดคล้องกับมิติของการพัฒนาในภาพรวม
64. ประเทศกำลังพัฒนา ประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด และประเทศที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ ที่กำลังเข้าเป็นสมาชิก WTO ควร สามารถดำเนินการให้สะท้อนสภาวะแวดล้อมที่ทางการพัฒนา การเงิน และการค้าของพวกเขา ในแง่ต่างๆ เหล่านี้ควรสอดคล้องกับสิทธิและข้อผูกมัดของสมาชิก WTO สมาชิก WTO ควรนำแนวทางปฏิบัติว่าด้วยการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด ซึ่งออกโดยสภาทั่วไปขององค์การการค้าโลก (WTO General Council) ในวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.2002 ประเทศ กำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด และประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งกำลังเข้าเป็นสมาชิก WTO ควร ที่จะได้รับการช่วยเหลือทางเทคนิค ทั้งก่อนหน้า ระหว่าง และหลังกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก โดยขึ้นอยู่กับระดับของการพัฒนาและความต้องการ และอุปสรรคต่างๆ ควรถูกกำจัดเพื่อเอื้ออำนวยกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก
65. ทุก ประเทศจะต้องเคารพพันธสัญญาที่จะไม่มีการจัดเก็บภาษี และเปิดมีการเข้าถึงตลาดโดยไม่มีโควต้า สำหรับประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามแถลงการณ์ของรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) จากประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ 6 (Sixth WTO Ministerial Conference)
66. ประเทศต่างๆ ที่เข้าสู่ข้อตกลงการค้าของภูมิภาคนั้น ควรที่จะประกันความสอดคล้องของนโยบาย และความเข้ากันได้กับกฎของ WTO ทั้ง ข้อตกลงการค้าของภูมิภาคแบบเหนือ-เหนือและใต้-ใต้ สามารถที่จะเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนและการบรรเทาความยากจน และกระบวนการบูรณาการของภูมิภาค อีกทั้งยังสามารถที่จะสร้างความแข็งแกร่งของระบบการค้าพหุพาคี
67. การ ยกระดับการบูรณาการของประเทศกำลังพัฒนานั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุดนั้น เข้าสู่การค้าระหว่างประเทศนั้น จะต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมในวงจรของมูลค่า ซึ่งรวมไปถึงในภาคส่วนใหม่และมีพลวัตของการค้าในระดับโลก นวัตกรรม การปรับเปลี่ยน และการจัดแต่งของโครงสร้างเชิงสถาบันสำหรับการร่วมมือทางเศรษฐกิจในหมู่ ประเทศกำลังพัฒนานั้น และเวทีในระดับภูมิภาคและระหว่างภูมิภาคสำหรับการอภิปรายและความร่วมมือนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ
68. ระบบการเอื้อประโยชน์ทางการค้าในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา (Global System of Trade Preference among Developing Countries - GSTP) และความริเริ่มระหว่างภูมิภาคแบบใต้-ใต้ เป็นสิ่งที่สำคัญ ในบริบทนี้ การเจรจาต่อรองของ GSTP ในรอบที่สาม (รอบเซาเปาโล) ที่กำลังดำเนินไปนั้น มีบทบาทที่สำคัญ GSTP และ ความริเริ่มระหว่างภูมิภาคแบบใต้-ใต้ สามารถที่จะสนับสนุนให้เกิดความเข้มแข็งของบทบาทของประเทศกำลังพัฒนา ในฐานะที่เป็นพลังพลวัตในการเจริญเติบโตของการค้าโลก
69. ความ สนใจควรมีต่อความช่วยเหลือประเทศที่มีเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และประเทศกำลังพัฒนา เพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันจากการเพิ่มขึ้นของการค้าและการไหลของการ ลงทุน
70. ใน ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาจะต้องสานต่อที่จะรับผิดชอบสำหรับการพัฒนาของตน ชุมชนระหว่างประเทศควรที่จะช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด ในความพยายามที่จะพัฒนาความศักยภาพและโครงสร้างพื้นฐานในเชิงมนุษย์ สถาบัน กฎระเบียบ การวิจัย และการพัฒนา เพื่อการมีส่วนร่วมในการค้าระหว่างประเทศและในระบบการค้าระหว่างประเทศที่มี ประสิทธิภาพ ทันสมัย และเป็นประโยชน์ ตลอดจนจนเพื่อเข้าร่วมอย่างมีประสิทธิภาพและแข็งขันในการเจรจาต่อรองในการ ค้าระหว่างประเทศ และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมไปถึงผ่านการช่วยเหลือทางด้านเทคนิคอย่างเหมาะสม ทรัพยากรที่เพียงพอควรถูกจัดสรรไปเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบตามยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ และรวมไปถึงยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายที่จะกำจัดความยากจน ซึ่งได้บูรณาการความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องกับการค้า และความต้องการเพิ่มศักยภาพ ซึ่งรวมไปถึงความต้องการในด้านอุปทาน
71. การ ช่วยเพื่อสำหรับการค้า รวมไปถึงการช่วยเหลือทางด้านเทคนิคอย่างมีประสิทธิผล ควรที่จะมีเป้าหมายช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในความพยายามที่จะเอาไปปฏิบัติ ใช้และได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีและการปฏิรูปทางการค้า เพื่อที่จะสร้างความสามารถในการผลิต และโครางสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับการค้า โดยอยู่บนพื้นฐานของความต้องการและลำดับความสำคัญของแต่ละประเทศ การช่วยเหลือเพื่อการค้าที่เพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพจำเป็น เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด ให้ได้รับผลประโยชน์จากระบบการค้าระหว่างประเทศที่อยู่บนพื้นฐานของกฎ นอกจากนั้น การเงินที่คาดการณ์ได้ ยั่งยืน และทมีประสิทธิภาพ เป็นพื้นฐานที่ตอบสนองเป้าหมายของการช่วยเหลือเพื่อการค้า ประเทศที่ได้รับผลประโยชน์ควรที่จะให้ความสำคัญกับการค้า และบูรณาการการช่วยเหลือเพื่อการค้าเข้าสู่ยุทธศาสตร์ในการพัฒนา ซึ่งสอดคล้องกับลำดับความสำคัญของชาติ ในฐานะที่เป็นพื้นฐานสำหรับความช่วยเหลือที่มีประสิทธิผลแลยั่งยืน
72. มาตรฐาน และระเบียบข้อบังคับทางเทคนิคต้องได้รับการพัฒนาอย่างโปร่งใส และได้รับการนำมาใช้ได้โดยไม่มีการแบ่งแยก และไม่ควรสร้างอุปสรรคที่ไม่จำเป็นต่อการค้า ประเทศกำลังพัฒนาควรได้รับการจัดหาความช่วยเหลือด้านเทคนิคและการสนับสนุน การสร้างความสามารถ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานอย่างมีประสิทธิภาพ ในประการนี้ มาตรการที่มีประสิทธิภาพควรมีไว้เพื่อเอื้ออำนวยให้เกิดการมีส่วร่วมอย่าง เต็มที่และมีความหมายของประเทศกำลังพัฒนาในกระบวนการสร้างมาตรฐานระหว่าง ประเทศ จำเป็นจะต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ และการรับรองคุณภาพในของประเทศกำลังพัฒนา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมขนาดวิสาหกิจทั้งเล็กและใหญ่ในวงจรอุปทานโลก
73. การ เปิดเสรีการค้าที่เป็นประโยชน์ต้องอาศัยการจัดการกับมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งรวมถึงมาตรการฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นเสมือนกำแพงการค้าที่ไม่จำเป็น การใช้มาตรการฝ่ายเดียวซึ่งไม่สอดคล้องกับกฏของ WTO สามารถ ส่งผลลบต่อความพยายามในการไปสู่ระบบการค้าที่ไม่แบ่งแยกและเสรี ความพยายามระหว่างประเทศควรถูกกำหนดเพื่อจัดการกับมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี และลดหรือกำจัดข้อกีดขวางที่ไม่ใช่ภาษีที่ไม่ชอบด้วยเหตุผลและไม่ยุติธรรม
74. ความ พยายามควรที่จะถูกใช้เพื่อป้องกันและทำลายโครงสร้างและแนวปฏิบัติซึ่งไม่ เอื้อต่อการแข่งขัน และเพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบและความโปร่งใสของบรรษัทต่างๆ ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภคของประเทศกำลังพัฒนาได้รับผลประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้า ประเด็นนี้ควรได้รับการเสริมด้วยการส่งเสริมวัฒนธรรมการแข่งขัน และควรได้รับการพัฒนาความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ดูแลด้านการแข่งขัน ประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ได้รับการส่งเสริมพิจารณาการออกกฎหมายและกรอบการทำงานเพื่อการแข่งขัน ที่มีความเหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการในการพัฒนาของพวกเขา โดยจะต้องเสริมด้วยความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและการเงินเพื่อการสร้างขีด ความสามารถ ซึ่งคำนึงถึงเป้าหมายนโยบายระดับชาติ และข้อจำกัดของความสามารถ
75. รัฐได้รับการสนับสนุนเพื่อที่จะนำเอากลไกการปรึกษาหารือแบบสมัครใจที่อยู่ในส่วน F ของชุดของหลักการและกฎเกณฑ์ที่เท่าเทียมที่ได้เห็นพ้องกันในระดับพหุภาคีสำหรับการควบคุมแนวปฏิบัติในภาคธุรกิจอย่างเข้างวด (Set of Multilaterally Agreed Equitable Principles and Rules for the Control of Restrictive Business Practices) ไปปฏิบัติใช้ ด้วย วิศัยทัศน์ที่ต้องการหาทางออกที่สามารถตกลงร่วมกันได้ การสร้างขีดความสามารถสำหรับหน่วยงานด้านการแข่งขันในประเทศกำลังพัฒนาและ ประเทศที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจนั้น ควรมีมากขึ้น ความร่วมมือในระหว่างประเทศในการจัดการกับแนวการปฏิบัติซึ่งต่อต้านการแข่ง ขัน ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญระหว่างรัฐบาลว่าด้วยกฎหมายและนโยบายการ แข่งขัน (Intergovernmental Group of Experts on Competition Law and Policy) ควรที่จะได้รับการสานต่อ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริจาคยังได้รับการสนับสนุนให้พิจารณาจัดหาแหล่งเงินทุนบนพื้นฐานของความ สมัครใจ สำหรับโครงการระหว่างประเทศสำหรับการสร้างขีดความสามารถในกฎหมายและนโยบาย การแข่งขันทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค
76. ชุมชน ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริจาคและสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ควรที่จะสร้างความมั่นใจว่า ความริเริ่มโครงการการช่วยเหลือเพื่อการค้าครอบคลุมในขอบเขต และให้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงแถลงการณ์ปารีสว่าด้วยการช่วยเหลือทางด้านการค้า (Paris Declaration on Aid Effectiveness) เท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น การเงินที่คาดการณ์ได้ ความยั่งยืน และมีประสิทธิผล เป็นสิ่งพื้นฐานในการทำตามเป้าหมายของการช่วยเหลือเพื่อการค้า ความช่วยเหลือเพื่อการค้าจำเป็นต่อการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด เพื่อให้เกิดการบูรณาการที่ดียิ่งขึ้นสู่ระบบการค้าของโลก และเพื่อสร้างขีดความสามารถในการผลิต โครงสร้างพื้นฐานทางการค้า และความสามารถในการแข่งขัน ในบริบทนี้ กรอบการทำงานแบบบูรณาการสำหรับความช่วยเหลือทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการ ค้าแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Enhanced Integrated Framework for Trade-related Technical Assistance to Least Developed Countries) เป็น สิ่งที่สำคัญมากต่อประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด การช่วยเหลือเพื่อการค้าควรตอบสนองความต้องการทั่วไปและความต้องการที่เฉพาะ ของประเทศกำลังพัฒนา บนพื้นฐานของ การช่วยเหลือเพื่อการค้า ควรที่จะสะท้อนถึงลำดับความสำคัญในผลประโยชน์ และควรสอดคล้องกับลำดับความสำคัญของการพัฒนาของประเทศเหล่านั้นด้วย
77. การ ดำเนินการเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะรับมือกับการค้าขายสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะยาว และโอกาสและความท้าทายของการพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นใจว่า ประเทศกำลังพัฒนาที่พึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด สามารถได้รับผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากการบูรณาการของตลาดในระดับโลก และเพื่อบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ และเพื่อควบคุมผลได้จากการพัฒนาที่มาจากการเติบโตของราคาของสินค้า
78. ที่ เกี่ยวข้องกับการค้าขายสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะยาวและโอกาสและความท้าทายของการ พัฒนา การปฏิบัติตามนโยบายจำเป็นต่อการลดผลกระทบของความผันผวนของราคาและรายได้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ที่มีต่อประเทศที่พึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ และชาวนาที่ยากจน นโยบายควรสนับสนุนการเพิ่มคุณค่าและการมีส่วนร่วมในวงจรมูลค่าของประเทศผู้ ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ความพยายามควรเกิดขึ้นในทุกระดับ และสำหรับผู้เข้าร่วมในภาคสินค้าโภคภัณฑ์ ควรเพิ่มความโปร่งใสและการตรวจสอบได้ เครือข่ายสวัสดิการ การใช้เครื่องมือจัดการความเสี่ยงป้องกันเพื่อประกันความผันผวนของราคา การทำให้เกิดหลากหลายของฐานเศรษฐกิจของประเทศ และการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงทรัพยากรสำหรับจัดหาเงินทุนในการพัฒนา สินค้าโภคภัณฑ์ก็เป็นนโยบายที่สำคัญเช่นกัน
79. การ ดำเนินการเป็นจำเป็นต้องสนับสนุนให้ประเทศกำลังพัฒนาที่พึ่งพาสินค้า โภคภัณฑ์ใช้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเริ่มกระบวนการการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน อันจะนำไปการขจัดความยากจน การเติบโตของสินค้าโภคภัณฑ์ยังมีผลกระทบในเชิงลบต่อประเทศกำลังพัฒนาที่พึ่ง พาการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ผลกระทบที่เสียหายเหล่านี้ไล่ตั้งแต่การก่อให้เกิดจากปัญหาดุลการชำระเงิน ของประเทศ การใช้จ่ายที่ลดลง และความไม่มั่นคงทางด้านอาหาร ในประเทศกำลังพัฒนา ได้มีความกังวลได้เกิดขึ้นเกี่ยวกับความล้มเหลวของตลาด การทำงานที่มีประสิทธิภาพของตลาด และความจำเป็นที่ปรับปรุงการหารือระหว่างประเทศที่นำเข้าและส่งออกอาหาร เพื่อลดและสร้างเสถียรภาพในราคาอาหารโลก ในเรื่องนี้ การตัดสินใจของเลขานุการของสหประชาชาติที่จะก่อตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจที่มี อำนาจสูง ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงและเจ้าหน้าที่ชั้นนำด้านนโยบาย มาปราศรัยถึงวิกฤติการณ์อาหารในปัจจุบัน และผลกระทบในเรื่องความยากจนและความมั่นคงด้านอาหารในระยะยาว ที่ประเทศเหล่านั้นเผชิญอยู่
80. การ บูรณาการที่เพิ่มขึ้นของของประเทศกำลังพัฒนาสู่กเศรษฐกิจภาคบริการในระดับ โลกจะได้รับการเอื้ออำนวยด้วยการลดการกีดกันการค้าภายในและต่างประเทศในการ ประชุมรอบโดฮาและข้อตกลงทางการค้าในภูมิภาค นโยบาย ยุทธศาสตร์ กฎระเบียบ และสถาบันในขอบเขตของการบริการทั้งในระดับชาติ ภูมิภาค และระหว่างประเทศ มีความจำเป็นที่จะส่งเสริมสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อที่จะอุปทานในการบริการที่สามารถแข่งขันได้ และต่อสู้กับความยากจน และการขาดแคลนในโครงสร้างพื้นฐานและทุนมนุษย์ ชุมชนระหว่างประเทศควรที่จะให้ความสนใจพิเศษกับการบบริการ และรูปแบบของผลประโยชน์ในการส่งออกสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมไปถึงประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ในบริบทนี้ ประเทศกำลังพัฒนาได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปิดเสรีการเคลื่อนไหวชั่ว คราวของบุคคลตามธรรมชาติภายใต้รูปแบบที่ 4 ของ GATS
81. ให้ สอดคล้องกับลำดับความสำคัญในการพัฒนาระดับชาติและขีดความสามารถนั้น ประเทศกำลังพัฒนา ควรปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในระดับชาติและภูมิภาค เช่นเดียวกับนโยบายเสริม และควรสร้างกรอบของกฎเกณฑ์และสถาบัน เพื่อที่จะพัฒนาภาคบริการที่สามารถแข่งขันได้ การรับประกันการเข้าถึงอย่างสากลในบริการที่จำเป็นควรค่าแก่การให้ความสนใจ
82. ประเทศ ได้รับการสนับสนุนให้พิจารณามิติของการพัฒนาเรื่องการย้ายถิ่นในขอบข่ายความ ร่วมมือระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับระหว่างภูมิภาค ด้วยการสนับสนุนการพูดคุยและการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ การส่งเสริมการประสานงานในระดับภูมิภาคและระดับชาติ การสร้างความเข้าใจร่วมกัน การส่งเสริมความร่วมมือ การสนับสนุนการสร้างขีดความสามารถ และการสร้างความเข้มแข็งให้กับความร่วมมือในหมู่ประเทศต้นทาง ประเทศที่เป็นจุดเปลี่ยนถ่าย และประเทศปลายทาง เพื่อใช้ประโยชน์จากผลประโยชน์และโอกาสที่การย้ายถิ่นนำมาสู่ประชาคมโลก
83. ผู้ ส่งออกน้ำมันควรที่จะได้รับประโยชน์จากนำเอารายได้ไปใช้ในการลงทุนในโครง สร้างพื้นฐานและทุนมนุษย์ เพื่อผลประโยชน์ในรุ่นต่อไป ความสนใจควรให้กับความหลากหลายของรากฐานของพลังงาน ซึ่งรวมไปถึงพลังงานทดแทน ชุมชนระหว่างประเทศ ซึ่งรวมไปถึงรัฐบาลและสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ควรส่งเสริมสภาวะแวดล้อมเพื่อการพัฒนา และการใช้ประโยชน์ของกลไกทางการเงินสำหรับเทคโนโลยีใหม่ทางด้านพลังงานและ โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศต่างๆ ควรที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการวิเคราะห์ เพื่อค้นหาการใช้ประโยชน์จากเชื้อเพลิงชีวภาพทางเลือกในระดับที่สูงขึ้น ในทางที่จะยกระดับการพัฒนาสังคม เทคโนโลยี เกษตรกรรม และการค้า ในขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงความต้องการของประเทศเพื่อที่จะสร้างความสมดุลที่ เหมาะสมระหว่างความมั่นคงทางอาหารและความต้องการพลังงาน
84. การ อนุรักษ์และการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนได้ให้โอกาสในการค้า การลงทุน และการพัฒนาสำหรับประเทศกำลังพัฒนา ยุทธศาสตร์ที่จะอำนวยความสะดวกทางการค้าในผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ ควรที่จะต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะยกระดับการค้าและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
85. งานในระดับต่อไปมีความจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศพัฒนาน้อยที่สุด และ ประเทศที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ ในประเด็นที่สำคัญที่เกี่ยวพันกันระหว่างการค้า สิ่งแวดล้อม และการพัฒนา เช่น มาตรฐานใหม่ รวมไปถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการตีตราทางสิ่งแวดล้อมและการรับรอง เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และการโอนย้ายและการร่วมมือในเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
86. ความ พยายามในระดับชาติและระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องรักษา ป้องกัน และส่งเสริมการใช้ความรู้ดั้งเดิมและทรัพยากรทางพันธุกรรมอย่างยั่งยืน เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจในความยุติธรรม และความเที่ยงธรรมในการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกัน
87. การ พัฒนาการขนส่ง การสื่อสาร โครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ และขีดความสามารถ เป็นปัจจัยทางยุทธศาสตร์ที่จะขยายโอกาสการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเลและประเทศที่ พัฒนาน้อยที่สุด ประเทศกำลังพัฒนามีความจำเป็นที่จะสร้างความแข็งแก่งในการค้าและระบบการขน ส่ง ความร่วมมือในภูมิภาค การเป็นหุ้นส่วน และการดำเนินการอื่นๆ ในการค้าและการขนส่ง ควรที่จะพัฒนาและให้เกิดความแข็งแกร่ง กรอบของกฎหมายแบบพหุพาคีในการค้าระหว่างประเทศจะนำผลประโยชน์จากการพัฒนา อย่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเล ถ้าตระหนักถึงความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและการสนับสนุน เพื่อสร้างขีดความสามารถ ที่มีต่อประเทศต่างๆ เหล่านั้น การค้าควรที่จะทำให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยจะต้องมีกระบวนการการค้าที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การลดลงของข้อกีดกันทางการบริหารงาน และการเพิ่มขึ้นของการใช้ข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีการสื่อสาร
88. ในมุมมองของการลดของมาตรการเอื้อประโยชน์ทางการค้า รวมไปถึงระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ซึ่ง มีผลกระทบการค้าและการพัฒนาของประเทศผู้ได้รับประโยชน์ประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศพัฒนาน้อยที่สุด มีความจำเป็นที่จะต้องหาทางแก้ไข ในแง่นี้ ด้วยมาตรการที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสม ซึ่งรวมถึงผลจากการเจรจาการค้ากับหลายฝ่าย ประชาคมระหว่างประเทศควรให้การสนับสนุนประเทศพึ่งพามาตรการเอื้อประโยชน์ทาง การค้าในแผนระยะยาวในการสร้างหลากหลายของฐานเศรษฐกิจ ยกระดับการแข่งขันและขีดความสามารถในการผลิต พัฒนาโอกาสในการส่งออกใหม่ และบูรณาการสู้เศรษฐกิจโลก
C. การสนับสนุนของอังค์ถัด
89. การ สนับสนุนของอังค์ถัดในเรื่องการค้าและการพัฒนาควรกระทำผ่านการดำเนินงานให้ ความช่วยเหลือด้านการวิเคราะห์ การสร้างฉันทามติ และทางวิชาการ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศในสินค้า บริการ และสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนระบบการค้าระหว่างประเทศตามที่ระบุข้างล่าง อังค์ถัดควรส่งเสริมการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมโยงระหว่างการค้าและ วัตถุประสงค์และเป้าหมายการพัฒนาที่ได้มีการตกลงร่วมกันในระดับระหว่าง ประเทศ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ อังค์ถัดควรร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับองค์การระหว่างประเทศอื่นๆ และส่งเสริมการดำเนินงานของกิจกรรมของสหประชาชาติในเรื่องการค้าและการพัฒนา
90. อังค์ถัดควร
91. ผ่าน ความร่วมมือที่เหมาะสมกับตัวแสดงระดับนานาประเทศและระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงหน่วยงานดูแลสินค้าโภคภัณฑ์ระดับนานาชาติ อังค์ถัดควรแสดงบทบาทหลักเพื่อจัดการปัญหาด้านการค้าและการพัฒนาที่เกี่ยว กับเศรษฐกิจสินค้าโภคภัณฑ์ ให้ความสนใจในทุกภาคส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ เกษตรกรรม ป่าไม้ ประมง โลหะและแร่ และน้ำมันและก๊าซ ในบริบทนี้ ควรสังเกตพัฒนาการและความท้าทายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ และจัดการประสานระหว่างการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ระหว่างประเทศและการพัฒนาระดับ ชาติ โดยเฉพาะเรื่องการบรรเทาความยากจน
92. อังค์ ถัดควรเพิ่มความพยายาม ภายใต้สามโครงสร้างการทำงานหลัก เพื่อช่วยประเทศที่พึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อควบคุมผลกำไรจากการพัฒนาในช่วงที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนจัดการกับปัญหาด้านการค้าและการพัฒนาที่เกี่ยวกับการพึ่งพาด้านสินค้า โภคภัณฑ์
93. ข้อความข้างต้น ควร :
94. อังค์ถัดควรเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่งานด้านการบริการ การค้า และการพัฒนาที่ครอบคลุม โดย
95. โดย ปราศจากอคติต่องานที่อยู่ภายใต้เวทีอื่นๆ หรือความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ตามเป้าหมายและเรื่องที่เกี่ยวกับประโยชน์ของการย้ายถิ่นต่อการพัฒนา อังค์ถัดควรทำการวิจัยและวิเคราะห์ถึงผลประโยชน์ที่เป็นไปได้และโอกาสในการ ค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงการพัฒนาระหว่างประเทศที่เป็นจุดแรกของผู้อพยพกับชุมชนต่าง ประเทศของผู้อพยพ
96. อังค์ถัดยังควรที่จะ
97. อังค์ ถัดควรส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมไปถึงผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และโครงสร้างสถาบัน อังค์ถัดควรพัฒนาข้อมูลและเครื่องมือในการวิเคราะห์เรื่องการค้าใต้-ใต้ และขยายโปรแกรมความช่วยเหลือทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง และยังควรที่จะสนับสนุนอย่างต่อเนื่องต่อการฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์ที่มาก ขึ้นของระบบการให้สิทธิพิเศษทางการค้าระดับโลกในหมู่ประเทศกำลังพัฒนา (Global System of Trade Preferences among Developing Countreis) และความริเริ่มอื่นๆ ที่กระตุ้นการค้าใต้-ใต้
98. งาน ของอังค์ถัดในประเด็นที่เกี่ยวกับพลังงานควรที่จะได้รับการจัดการจากแง่มุม ทางการค้าและการพัฒนา ซึ่งเกี่ยวข้องในบริบทของงานของอังค์ถัดในเรื่องสินค้าโภคภัณฑ์ การค้าและสิ่งแวดล้อม ภาคเศรษฐกิจใหม่และมีพลวัต และภาคบริการ
99. อังค์ถัดควรสานต่องานภายใต้ความริเริ่มเรื่องเชื้อเพลิงชีวภาพ พยายาม ขยายผลประโยชน์ของการค้าและการพัฒนาที่มีต่อประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่ เศรษฐกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านให้ได้มากที่สุด ขณะที่ลดความผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมของทางเลือกเชื้อเพลิงชีวภาพให้ น้อยที่สุด
100. ภาย ใต้เป้าหมายของตน และโดยไม่ทับซ้อนกับงานกับขององค์กรอื่น อังค์ถัดควรคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในงานที่กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในประเด็นเกี่ยวกับการค้าและการพัฒนาตาม ยุทธศาสตร์พัฒนา
101. อังค์ ถัดควรสานต่อการสนับสนุนแก่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วง เปลี่ยนผ่านในประเด็นที่เกี่ยวพันระหว่างการค้าและสิ่งแวดล้อม เช่น การเข้าสู่ตลาด เกษตรกรรม การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สินค้าและบริการทางสิ่งแวดล้อม สินค้าที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และมาตรฐานซึ่งรวมถึงประเด็นเกี่ยวกับฉลากสีเขียวและค่าธรรมเนียมใบรับรอง และควรติดตามประเด็นที่เกี่ยวกับการค้าที่บรรจุไว้ในแผนการดำเนินการโยฮัน เนสเบิร์ก (Johannesburg Plan of Implementation) และควรที่จะขยายการทำงานของคณะทำงานเพื่อสร้างขีดความสามารถร่วม UNEP กับ UNTAD ในเรื่องการค้า สิ่งแวดล้อม และการพัฒนา (UNEP-UNCTAD Capacity-Building Task Force on Trade, Environment and Development)
102. อังค์ถัดควรที่จะดำเนินการต่อเนื่องบนฐานของประสบการณ์เพื่อยกระดับ Biotrade Initiative ที่จะให้การสนับสนุนต่อตลาดที่กำลังขยายตัวสำหรับสินค้าอันเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและบริการที่ให้ในรูปแบบยั่งยืน Biotrade Initiative ควรสานต่อการสร้างนโยบายและสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนการเข้าร่วมของภาคเอกชนในการใช้อย่างยั่งยืนและรักษาความหลาก หลายทางชีวภาพ ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้แก่ส่วนรวมสังคม วัฒนธรรม กฎหมายและเศรษฐกิจในประเด็นดังกล่าว
103. อังค์ ถัดควรที่จะส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือ ซึ่งรวมถึงการอำนวยการหารือระหว่างรัฐโดยความสมัครใจในหมู่รัฐสมาชิกและ กลุ่มทางภูมิภาค สอดคล้องกับส่วน F ของชุดของหลักการและกฎเกณฑ์ที่เท่าเทียมที่ได้เห็นพ้องกันในระดับพหุภาคีสำหรับการควบคุมแนวปฏิบัติในภาคธุรกิจอย่างเข้างวด (Set of Multilaterally Agreed Equitable Principles and Rules for the Control of Restrictive Business Practices)ซึ่งรับรองโดยสมัชชาทั่วไปในปี 1980 และได้รับการรับรองอีกครั้งในฉันทามติเซาเปาโล (Sao Paolo Consensus) และที่การประชุมครั้งที่ 5 เพื่อทบทวนทุกแง่มุมของข้อตกลงข้างต้น (Fifth Conference to Review All Aspects of the Set) ที่จัดขึ้นในปี 2005
104. อังค์ ถัดเป็นจุดประสานข้อมูลในเรื่องงานของนโยบายการแข่งขันและผลประโยคของผู้ บริโภคภายใต้ระบบของสหประชาชาติ อังค์ถัดซึ่งจะจัดการประชุมขึ้นเพื่อรัฐสมาชิก เกี่ยวกับการหารือเชิงนโยบายระหว่างรัฐบาลและการสร้างฉันทามติในเรื่อง กฎหมายและนโยบายการแข่งขัน และยังควรที่จะดำเนินการวิจัยและวิเคราะห์ในเรื่องนี้ เพื่อรัฐสมาชิกและเครือข่ายระหว่างประเทศในเรื่องนโยบายการแข่งขัน อังค์ถัดก็ควรที่จะเป็นเวทีสำหรับปรึกษาประเด็นการแข่งขันในระดับพหุภาคี ด้วยความเกี่ยวโยงอันใกล้ชิดกับเครือข่ายหน่วยงานผู้มีอำนาจในเรื่องการแข่ง ขันที่มีอยู่ และควรส่งเสริมการใช้กฎหมายการและนโยบายการแข่งขันให้เป็นเครื่องมือเพื่อ บรรลุความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับภายในและระหว่างประเทศ โดย งานของอังค์ถัดในเรื่องนี้ควรส่งเสริมระบอบกฎหมายการแข่งขัน ซึ่งคำนึงถึงเงื่อนไขในประเทศกำลังพัฒนา โดยเพื่อให้เป็นไปตามนั้น อังค์ถัดควรที่จะมุ่งพิจารณา
105. เมื่อพิจารณาถึงระเบียบวาระการพัฒนาขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) และ โดยปราศจากอคติต่องานที่ทำในเวทีอื่นๆ อังค์ถัดควรสานต่อการวิจัยและการวิเคราะห์ทรัพย์สินทางปัญญาในแง่มุมของการ ค้าและการพัฒนา ซึ่งรวมถึงการปกป้องความรู้ดั้งเดิม แหล่งพันธุกรรม และคติชาวบ้าน นิยาย และการแบ่งปันซึ่งกันและกัน
106. อังค์ ถัดควรสานต่อบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาและใช้บังคับโครงการภายใต้การช่วยเหลือ เพื่อการค้า อังค์ถัดควรให้ความสนับสนุนที่มุ่งเน้นต่อประเทศกำลังพัฒนาในการสร้างขีด ความสามารถในการมีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งและได้ประโยชน์จากระบบการค้าระหว่าง ประเทศ และในการจัดการกับโอกาสและความท้าทายที่ระบบดังกล่าวสร้างขึ้น
107. อังค์ ถัดควรจัดหาความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเล และประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นประเทศทางผ่าน เพื่อช่วยเหลือให้ประเทศเหล่านั้นมั่นใจว่า มีโครงสร้างพื้นฐานและบริการ ตลอดจนระบบการจัดการการขนผ่านที่เพียงพอและเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการค้า
III หัวข้อย่อยที่ 3
ยกระดับสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในทุกระดับ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการผลิต การค้า และการลงทุนให้เข้มแข็ง: การระดมทรัพยากร และใช้ประโยชน์จากความรู้เพื่อการพัฒนา
A. การวิเคราะห์นโยบาย
108. การบูรณาการที่สมบูรณ์เข้าสู่เครือข่ายระหว่างประเทศทางการค้า การผลิต และสารสนเทศ ขึ้นอยู่กับการยกระดับขีดความสามารถในการผลิต และการได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินงานของบรรษัทข้ามชาติ (TNCs) ผ่าน การสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างกลุ่มธุรกิจภายในประเทศที่มีขนาดเล็ก และขนาดกลางและกลุ่มบรรษัทข้ามชาติ และช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าไปอยู่ห่วงโซ่มูลค่าทั้งในระดับภูมิภาคและใน ระดับนานาชาติผ่านความสัมพันธ์ดังกล่าวได้ การจะบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องมีนโยบายที่เอื้ออำนวย ทั้งในระดับประเทศและในระดับนานาชาติ เพื่อส่งเสริมการพัฒนากลุ่มธุรกิจโดยการเสริมสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ กลุ่มอุตสาหกรรม และการประกอบการ
109. การไหลเข้ามาของเงินลงทุนโดยรงจามต่างชาติ (FDI) ซึ่ง รวมถึงที่เข้าไปสู่ประเทศกำลังพัฒนา มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในระยะที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังคงมีความไม่เท่าเทียมในด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และประเทศผู้รับ ตัวอย่างเช่น การลงทุนในบางประเทศ โดยเฉพาะในอัฟริกา ยังคงเน้นอุตสาหกรรมสกัดทรัพยากรในปี 2006 ประเทศ พัฒนาน้อยที่สุดยังคงดึงดูดได้เพียง 0.7 เปอร์เซ็นต์ของการไหลเข้ามาของทุนทั้งหมด (หรือ 2.5 เปอร์เซนต์ของทุนที่ไหลเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนา) คำถามที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะได้กำไรสูงสุดจากกิจกรรมการลงทุนต่างชาติสำหรับประเทศกำลัง พัฒนา โดยเฉพาะประเทศพัฒนาน้อยที่สุดเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสนใจต่อไป
110. ในขณะที่ FDI ส่วนใหญ่ยังคงมีที่มาจากประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนาก็มีส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นใน FDI ที่ไหลออก การเจริญเติบโตของบรรษัทข้ามชาติของประเทศกำลังพัฒนาเป็นกระแสที่เปิดโอกาสในการพัฒนาใหม่ๆ FDI ระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันเองนั้นมากกว่าครึ่งไหลเข้าสู่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด
111. นอกเหนือไปจากการไหลข้าวของเงินทุน FDI กระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน การถ่ายโอนเทคโนโลยีและความรู้ การเข้าถึงตลาดโลก และการแข่งขัน ยิ่งไปกว่านั้น FDI ยังช่วยเสริมความพยายามในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติในการระดมทรัพยากรเพื่อการพัฒนา ผลกำไรจาก FDI เกิด ขึ้นพร้อมๆ กับความเสี่ยงมากมาย ซึ่งรวมถึงการแตกสลายของทุนท้องถิ่น การต่อต้านการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงของการกำหนดราคา และผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ประเทศต่างๆ จึงควรพิจารณาคุณภาพและปริมาณของ FDI
112. เพื่อแสวงหาโอกาส ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องมีนโยบายเชิงรุกที่เป็นขั้นตอน เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อการพัฒนาการไหลเวียนของทุนสูงสุด
113. ในข้อตกลงด้านการลงทุนระหว่างประเทศ มีความจำเป็นในการรักษาสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของประเทศเจ้าของทุน ประเทศผู้รับ และนักลงทุนต่างชาติ การแก้ไขความขัดแย้งระหว่างนักลงทุนและรัฐจำเป็นต้องได้รับความสนใจเป็น พิเศษ และขีดความสามารถของชาติในการเจรจาข้อตกลงด้านการลงทุนในการพัฒนาอย่างเป็น มิตรต้องได้รับการสนับสนุน
114. การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิรูปภายในประเทศจะเป็นสิ่งที่ดึงดูด FDI อย่าง ยิ่งยวด ความมีประสิทธิผลของนโยบายจะได้รับการส่งเสริม ถ้าถูกเกื้อหนนุนด้วยกฏหมายและความร่วมมือในระดับระหว่างประเทศที่ทำหน้าที่ รับผิดชอบสถานการณ์พิเศษของแต่ละประเทศ
115. ประเทศกำลังพัฒนาควรดำเนินตามยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สอดคล้องกับเงื่อนไข เฉพาะของพวกเขา ภายในกรอบการทำงานของรัฐเหมาะสม ซึ่งก็คือ รัฐซึ่งใช้มาตรการในการบริหารงานและการเมืองสำหรับภารกิจในการพัฒนาทาง เศรษฐกิจ ซึ่งเน้นทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐควรจัดหาให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหน่วยงานเอกชนและหน่วยงานของรัฐ
116. การสร้างขีดความสามารถในการผลิตจำเป็นต้องมีการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อ ต่อการพัฒนาภาคเอกชน ซึ่งคำนึงถึงพลวัตของรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างกัน ในการแสวงหาโอกาสจากโลกาภิวัฒน์ วิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจากประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญกับการท้าทายทาง ด้านทรัพยากรทางการเงินและการจัดการ และความสามารถในการยกระดับและสร้างสรรค์ การพัฒนาความสามารถในการประกอบการในแง่นี้เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด
117. การ ประกันสามารถช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและการพาณิชย์ สร้างการจ้างงาน, ช่วยสร้างตลาดทางการเงินของประเทศกำลังพัฒนา และกระจายความเสี่ยง การประกันความเสี่ยงที่ร้ายแรงกลายเป็นสิ่งสำคัญ หน่วยงานบริการประกันภัยในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศจำเป็นที่จะต้องปรับ ปรุง
118. ข้อเรียกร้องใหม่ต่อความโปร่งใสของบริษัททางการเงินและด้านอื่นๆ ได้สร้างความท้าทาย เมื่อมาตรฐานและแนวทางการรายงานถูกพัฒนาขึ้นสำหรับตลาดทุนที่มีการพัฒนาสูง การนำไปปฏิบัติก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายในอนาคต ภายใต้ความกังวลทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทจำต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ถือหุ้นที่หลากหลาย ในข้อพิจารณาทางสิ่งแวดล้อมและรายงานทางการเงิน
119. ความแตกต่างทางเทคโนโลยีถูกเชื่อมโยงกับช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมภายใน ประเทศและระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน ประเทศทุกประเทศ รวมถึงประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด จำเป็นจะต้องระดมความรู้และเทคโนโลยี และกระตุ้นการสร้างนวัตกรรม ถ้าต้องการการแข่งขันและกำไรจากการค้าและการลงทุน จำเป็นต้องมีความพยายามเพื่อให้แน่ใจว่า การป้องกันและการบังคับใช้ลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาจะทำให้เกิดการสนับ สนุนนวัตกรรมเทคโนโลยี และการถ่ายโอนและการเผยแพร่เทคโนโลยี เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้ผลิตและผู้ใช้ความรู้ทางเทคโนโลยี ซึ่งจะนำไปสู่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม และความสมดุลของสิทธิและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 7 ของข้อตกลงว่าด้วยแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับการค้าของทรัพย์สินทางปัญญา (Agreement on Trade-Related Aspects of Intellectual Property Rights - TRIPS Agreement)
120. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารช่วยผลักดันโลกาภิวัฒน์ โดยการยกระดับกลุ่มธุรกิจไปสู่เศรษฐกิจที่มีความรู้เป็นพื้นฐาน อีกทั้งยังส่งเสริมการแตกตัวของห่วงโซ่มูลค่าระดับโลก การเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศราคาถูก โดยเฉพาะโทรคมนาคม เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาหน่วยงานทางธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขัน แม้แต่ในกิจการที่สำคัญในประเทศกำลังพัฒนา อย่างการท่องเที่ยว
121. การอำนวยความสะดวกทางการค้า และการเข้าถึงระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาความสามารถทางการผลิต เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ขั้นตอนทางการค้าที่ไร้ประสิทธิภาพ ราคาค่าขนส่งที่มากเกิน และการขาดการติดต่อ ทำให้การแข่งขันการส่งออกของประเทศกำลังพัฒนาลดลง โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเล ประเทศกำลังพัฒนายังต้องเผชิญกับข้อเรียกร้องที่เพิ่มมากขึ้นในการปฏิบัติ ตามข้อเรียกร้องที่แตกต่างกันที่เกี่ยวข้องกับการค้าทางทะเลและความมั่นคง ของห่วงโซ่อุปทาน
122. การ ส่งเงินกลับได้กลายมาเป็นแหล่งเงินทุนเอกชนที่เด่นชัดสำหรับครัวเรือนใน ประเทศที่เป็นต้นทางของการอพยพ การส่งเงินกลับดังกล่าวไม่ใช่ตัวแทนของ FDI ODA การปลดหนี้ หรือแหล่งการพัฒนาด้านการเงินสาธารณะอื่นๆ หากแต่โดยทั่วไปคือ ค่าจ้างที่ถูกโอนไปยังครอบครัวเพื่อตอบสนองส่วนหนึ่งของความต้องการของครัว เรือนที่เป็นผู้รับ ลักษณะของใช้นั้นขึ้นกับการเลือกของปัจเจกบุคคล ปริมาณของรายได้ของผู้อพยพจำนวนมากถูกใช้ไปในประเทศปลายทาง และก่อให้เกิดการกระตุ้นที่สำคัญต่ออุปสงค์ทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
B. การตอบสนองนโยบาย
123. ความพยายามทุกระดับเพื่อส่งเสริมสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนา และเพื่อริเริ่มการปฏิรูปและกำจัดความยากจน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายในการพัฒนาที่ได้รับ การตกลงกันในระดับระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ และพันธสัญญาต่างๆ
124. ความรับผิดชอบเบื้องต้นในการกระตุ้นความสามารถในการผลิตและการยกระดับทาง เทคโนโลยีเป็นของแต่ละประเทศ การดึงดูดและการได้รับผลกำไรจาก FDI จำ เป็นต้องมีนโยบายการพัฒนาและการลงทุนในระดับชาติที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น จำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงและการวิเคราะห์เกี่ยวกับผล กระทบทางสังคม เศรษฐกิจ และการพัฒนาของ FDI และกิจกรรมของบรรษัทข้ามชาติ
125. ธรรมาภิบาลในทุกระดับและหลักนิติธรรมสามารถช่วยสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อ ให้เกิดการระดมทรัพยากรสำหรับการพัฒนา รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
126. ประเทศเจ้าบ้านสามารถช่วยส่งเสริมผลประโยชน์จากการพัฒนาจากการลงทุนโดยตรง จากต่างประเทศในประเทศเจ้าบ้าน ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการจูงใจ มาตรการลดความเสี่ยง และมาตรการการสร้างขีดความสามารถ เป็นต้น ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการเอื้ออำนวยการไหลเวียนของเงินทุนเอกชนสู่ประเทศ กำลังพัฒนา
127. ภายใต้บริบทของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และส่วนที่สอดคล้องกับกฏหมายและระเบียบข้อบังคับแห่งชาติ มาตรฐานความประพฤติโดยสมัครใจและความรับผิดชอบของบรรษัทสามารถช่วยให้บรรษัท ข้ามชาติกลายเป็นหน่วยที่สำคัญต่อการพัฒนา
128. การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเทศ กำลังพัฒนา ความพยายามของประเทศกำลังพัฒนาในการระบุและเอาชนะอุปสรรคในการระดมทรัพยากร ภายในประเทศจำเป็นที่จะต้องพึ่งการไหลเวียนจากทุนภายนอก รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ การลงทุนของเอกชนต่างๆ และ ODA
129. ประเทศต่างๆ สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดและความสำเร็จของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะในสภาวะแวดล้อมระหว่างประเทศที่สร้างแหล่งประสบการณ์ขนาดใหญ่ การจัดการในระดับภูมิภาคหรือความร่วมมือของประเทศกำลังพัฒนาสามารถช่วย ประเทศต่างๆ ในการจัดการกับประเด็นบางประเด็น การสร้างฉันทามติ และการวางตำแหน่งในการต่อรองร่วมกัน
130. รัฐบาลของแต่ละประเทศ สถาบันระหว่างประเทศ และชุมชนระหว่างประเทศ สามารถช่วยประเทศสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดึงดูดการลงทุน โดยการจัดสรรข้อมูลในเรื่องกฏหมายและข้อบังคับภายในประเทศ รวมถึงข้อมูลในข้อตกลงระหว่างประเทศ และข้อมูลในเรื่องโอกาสและความเสี่ยงของประเทศ การประเมินความเสี่ยงต่ออธิปไตยโดยหน่วยงานเอกชนควรใช้ตัวแปรและการ วิเคราะห์ที่แม่นยำ โปร่งใส และปราศจากอคติให้มากที่สุด
131. ความเป็นหุ้นส่วนกับหน่วยงานเอกชนทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศที่ได้รับ การปรับปรุง สามารถช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับการบูรณาการของประเทศกำลังพัฒนาและผู้ ผลิตท้องถิ่นเข้ากับระบบการผลิตโลก การพัฒนาบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีความสามารถในการแข็งขันระหว่าง ประเทศต้องกการนโยบายที่เน้นความสามารถในการประกอบการภายในประเทศ การเชื่อมโยงธุรกิจ และการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม
132. เพื่อส่งเสริมมาตรฐานของการสร้างความร่วมมือกันอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องประสานความพยายาม แบ่งปันประสบการณ์ในการนำนโยบายไปปฏิบัติ และควบคุมมาตรฐาน จำเป็นต้องมีการดำเนินงานเพิ่มมากขึ้น ในเรื่องกรอบทางบัญชีและการรายงานสภาวะสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
133. สำหรับประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่งเปลี่ยนผ่านที่ตั้งการ สร้างความเข้มแข็งของภาคการประกันภัยเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก ความช่วยเหลือในระดับนานาชาติเป็นสิ่งจำเป็น การตอบสนองทางนโยบายควรเน้นการสร้างตลาดประกันภัยที่เอื้อต่อการแข่งขันและ มีกฎเกณฑ์ที่ดี การให้คำแนะนำทางด้านนโยบายในการเจรจา WTO และแผนการฝึกอบรม
134. เพื่อช่วยในการยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยี รัฐบาลควรประเมินเงื่อนไขในการรับและการยกระดับเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอ และควรดำเนินการและทบทวนนโยบายทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (STI) สถาบันที่ทำการสนับสนุนอาจรวมถึงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลกับเอกชน และนโยบาย STI อาจรวมกับนโยบายในการพัฒนาและยุทธศาสตร์ในการลดความยากจน
135. ความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกันระหว่างประเทศกำลังพัฒนากับประเทศพัฒนา แล้ว และประเทศกำลังพัฒนากับประเทศกำลังพัฒนา ควรถูกทำให้เข้มแข็งเพื่อให้เกิดการแบ่งปันความรู้ นวัตกรรม และการถ่ายโอนเทคโนโลยี และควรจัดการกับความเหลื่อมล้ำทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษา และการวิจัยในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด
136. ชุมชนระหว่างประเทศสานต่อความพยายามในการคงความสมดุลและประสิทธิผลของระบบทรัพย์สินทางปัญญา ให้สอดคล้องกับคำแนะนำที่ได้รับการยอมรับตามวาระการพัฒนาของ WIPO
137. มาตรการเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทาง ICT และเพื่อการสร้างทักษะทาง ICT มี ขึ้นเพื่อลดช่องว่างทางเทคโนโลยี และเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประเทศต่างๆ ในเศรษฐกิจแห่งการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรการข้างต้นควรได้รับการสนับสนุนจากการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ของประเทศ กำลังพัฒนาในการอภิปรายที่เกี่ยวข้องกับ ICT โดยเฉพาะที่อยู่ภายใต้กรอบการทำงานของการดำเนินการตามผลลัพธ์จาก World Summit ว่าด้วยสังคมข่าวสาร และการอภิปรายในคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา (Commission on Science and Technology for Development)
138. ในระดับชาติ นโยบายและยุทธศาสตร์ ICT จำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อเศรษฐกิจข่าวสารและอุตสาหกรรม ICT ที่แข่งขันได้ภายในประเทศ ส่วนประกอบที่สำคัญรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ ICT และ ภาคการสื่อสารโทรคมนาคม การยกระดับทักษะทางเทคโนโลยี การปฏิบัติใช้กรอบระเบียบและกฏหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางธุรกิจที่เกี่ยว ข้อง การค้าและการลงทุน e-government และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี การดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการบูรณาการอยู่ในแผนการพัฒนาแห่งชาติ หรือแผนยุทธศาสตร์การกำจัดความยากจน และนโยบาย ICT จำเป็นต้องมีการทบทวนอย่างสม่ำเสมอ
139. การ ค้าและการขนส่งระหว่างประเทศจำเป็นต้องมีกรอบกฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการ ดำเนินธุรกิจข้ามพรหมแดน ในแง่นี้ การพัฒนากฏและมาตรฐานระหว่างประเทศ เช่น สนธิสัญญาระหว่างประเทศและเครื่องมือทางกฏหมายอื่นที่ตกลงกันภายใต้การดูแล ของคณะกรรมาธิการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางการค้าระหว่างประเทศ (United Nations Commission on International Trade Law - UNCITRAL) และ หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการนำไปปฏิบัติใช้ในระดับประเทศ จำเป็นต้องนำมาซึ่งผลประโยชน์อย่างแท้จริงต่อผู้ค้า และช่วยลดต้นทุนทางกฎหมาย ทางการบริหาร และทางธุรกิจ เป็นสิ่งสำคัญที่ประเทศกำลังพัฒนาจำต้องมีส่วนร่วมในการสร้างฉันทามติ ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องและในกระบวนการเจรจาต่างๆ และผลประโยชน์ของประเทศเหล่านี้จะต้องได้รับความสนใจ ประเทศกำลังพัฒนายังคงต้องการความช่วยเหลือเพื่อสร้างขีดความสามารถและความ ช่วยเหลือทางเทคนิค เพื่อช่วยเหลือในเรื่องการนำกฎระเบียบและมาตรฐานที่ได้ตกลงกันในระดับ ระหว่างประเทศไปปฏิบัติใช้
140. เมื่อหน่วยงานเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งมากขึ้น ประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องสร้างขีดความสามารถในการตรวจตรา การสร้างกฎเกณฑ์ และการอำนวยความสะดวกต่อภาคการขนส่งในระดับ
141. นโยบายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและแข่งขัน ได้สำหรับประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล และประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นทางผ่าน โดยเฉพาะในกรอบข้อตกลงในระดับภูมิภาคและทวิภาคี ในบริบทดังกล่าว ควรมีการสนับสนุนในการดำเนินงานอย่างครอบคลุมและทันเวลาตามแถลงการณ์รัฐมน ตรีอัลมาตี (Almaty Ministerial Declaration) และแผนการดำเนินการอัลมาตี (Almaty Programme of Action) อย่างเต็มที่ จำเป็นต้องมีความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่า ผลลัพธ์ของการทบทวนในระยะกลางตามแผนการดำเนินการอัลมาตี (Mid-term Review of the Implementation of the Almaty Programme of Action) ที่เกิดขึ้นในปี 2008 จะก่อให้เกิดการสร้างระบบการขนส่งและการถ่ายโอนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสามารถจัดการกับความท้าท้ายของประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นประเทศทางผ่าน ตลอดจนการบูรณาการของประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเลเข้ากับระบบการค้า ระหว่างประเทศ ตามแถลงการณ์อุลานบาตอร์
142. มาตรการในการสนับสนุนความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ และในการจัดการความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม จำเป็นต้องได้รับความสนใจ
143. ประชาคม ระหว่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการขยายผลประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากปัจเจกบุคคลที่ได้รับเงินส่งกลับจากผู้อพยพ การดำเนินการควรมุ่งที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านธุรกรรมและขยายการเข้าถึงบริการ ทางการเงินสำหรับผู้อพยพและครอบครัว การเข้าถึงดังกล่าวจะทำให้ผู้อพยพและครอบครัวสามารถประหยัด ได้มาซึ่งสินเชื่อ และได้รับสินทรัพย์ที่เป็นประโยชน์
144. ความพยายามในการส่งเสริมการจ้างงานเต็มที่และเป็นประโยชน์และงานที่เหมาะ สมในระดับชาติ ควรจะได้รับการส่งเสริมด้วย รวมไปถึงผ่านทางการใช้เครื่องมือของ ILO เพื่อการจ้างงานและงานที่เหมาะสม (ILO Toolkit for Mainstreaming Employment and Decent Work) ตามที่ได้รับการยอมรับจากระบบของสหประชาชาติในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2007
145. ที่ประชุมยินดีกับการกำหนดทิศทางเพื่อพัฒนาที่เข้มแข็งของช่วงเจนีวาและตูนิสใน World Summit ว่า ด้วยสังคมแห่งข้อมูล และต่ออายุพัธสัญญาในการใช้บังคับของหลักการและเป้าหมายที่อยู่ในการประชุม เหล่านั้น สมาชิกของอังค์ถัดยังคงผูกพันอย่างเต็มที่กับการประชุมธรรมาภิบาลบนอินเตอร์ เนต (Internet Governance Forum) และต่อแนวทางผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายของการประชุมข้างต้น ตามที่ได้รับการระบุในวาระตูนิส (Tunis Agenda) ที่ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จนั้น
C.การมีส่วนร่วมของ UNCTAD
146. หน้าที่ของอังค์ถัดในการลงทุนควรดำเนินการต่อไปเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลัง พัฒนา โดยเฉพาะประเทษพัฒนาน้อยที่สุดและประเทศที่มีความต้องการพิเศษ ในวางและการดำเนินนโยบายเชิงรุกเพื่อกระตุ้นความสามารถในการผลิตและความ สามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ ควรให้ความสนใจต่อบทบาทในการลงทุนระหว่างประเทศกำลังพัฒนา-ประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา-ประเทศกำลังพัฒนา และการลงทุนภายในประเทศ ทั้งที่เป็นเอกชนและรัฐบาล การทำงานควรมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาที่ยั่งยืนและมีบรรยากาศการลงทุนที่ได้ รับการสนับสนุนในยุทธศาสตร์การพัฒนา กิจกรรมของอังค์ถัดควรจัดการกับความต้องการพิเศษของประเทศพัฒนาน้อยที่สุด รวมถึงความต้องการพิเศษและปัญหาของประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเล รัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็ก และเศรษฐกิจที่เล็ก อ่อนแอ และเปราะบางอื่นๆ
147. อังค์ ถัดควรสร้างการวิเคราะห์นโยบายในเรื่องผลกระทบจากการพัฒนาของการลงทุนโดยตรง จากต่างชาติต่อไป อังค์ถัดควรเน้นที่วิธีที่สร้างผลประโยชน์ในการพัฒนาสุทธิจากการลงทุนโดยตรง จากต่างชาติได้สูงสุด ผ่านนโยบายของประเทศผู้รับและประเทศผู้ให้อย่างเหมาะสม อังค์ ถัดควรมีการพัฒนากิจกรรมการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลในกิจกรรมของบรรษัทข้าม ชาติและกฏหมายและข้อบังคับระหว่างประเทศและภายในประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเพิ่มความช่วยเหลือเพื่อให้ประเทศพัฒนาน้อยที่สุดสามารถออกนโยบายที่ ดีขึ้น บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย อังค์ถัดควรทำการวิจัยนโยบายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ของการลง ทุนโดยตรงจากต่างชาติกับการลงทุนภายในประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่าง ODA กับ การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ผลกระทบของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติต่ออุตสาหกรรมและการประกอบการ และบทบาทของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในการบริการ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างขีดความสามารถในการส่งออกและทรัพยากรมนุษย์ ประเด็นอื่นๆ รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างบริษัทภายในประเทศและบริษัทต่างชาติ และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อส่งเสริมการไหลเวียนของการลงทุนที่เอื้อต่อ การพัฒนา ยิ่งไปกว่านั้นอังค์ถัดควรวิเคราะห์การลงทุนจากประเทศกำลังพัฒนาและประเทศ ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ รวมถึงสำรวจขอบเขตสำหรับความร่วมมือกันระหว่างประเทศกำลังพัฒนา-ประเทศกำลัง พัฒนาในระดับที่ลึกซึ้งเพิ่มมากขึ้น
148. อังค์ถัดควรจัดเวทีสำหรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในระดับนานาชาติในเรื่องแนว ปฏิบัติที่ดีที่สุดในนโยบายด้านการลงทุน การทำการสรุปรวบรวมแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสามารถทำให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ ในการออกนโยบาย อังค์ถัดพร้อมทั้งองค์การส่วนภูมิภาคและองค์การระหว่างรัฐบาลในระดับนานา ชาติ โดยเฉพาะที่มาจากประเทศกำลังพัฒนา และหุ้นส่วนอื่นๆ ซึ่งรวมถึงองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ควรร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในทุกระดับของการพัฒนาในการช่วยเหลือเพื่อให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อ การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติและการพัฒนา ในบริบทของการพัฒนาแนงปฏิบัติที่ดีที่สุดในนโยบายการลงทุน อังค์ถัดควรสนับสนุนการทำงานกับธนาคารเพื่อการพัฒนาระดับภูมิภาคที่เกี่ยว ข้อง เช่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาอัฟริกา (Africa Development Bank) ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) ธนาคารเพื่อการพัฒนาอเมริกา (Inter-American Development Bank) และธนาคารเพื่อการพัฒนาอิสลาม (Islamic Development Bank)
149. อังค์ถัดควรสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วง เปลี่ยนผ่านในการออกนโยบายการลงทุนและการนำไปปฏิบัติใช้ และควรช่วยเหลือด้วยกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การ พัฒนา รวมถึงข้อบังคับระหว่างประเทศ การทบทวนนโยบายการลงทุน (IPRs) และการดำเนินงานตาม และการช่วยเหลือหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนระดับชาติและระดับเล็กกว่า มีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในแง่นี้ วิธีการเชิงโครงสร้างที่กว้างขวางมากขึ้นในกระบวนการดำเนินการ IPRs ควร ได้รับการพิจารณา ภายใต้การยอมรับให้จากอังค์ถัดร่างการทบทวน เพื่อให้เกิดการครอบคลุมถึงประเทศกำลังพัฒนาอย่างกว้างขวาง และเพิ่มเติมนัยการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติและกรอบการลงทุนที่เกี่ยวข้องที่ มีต่อการพัฒนา IPRs ควรทำให้ทันสมัยอยู่เรื่อยๆ เพื่อคงไว้ซึ่งจุดยืนและการทำตามคำแนะนำ
150. ในการบริการให้คำปรึกษา การวิเคราะห์ และแผนการสร้างขีดความสามารถในสาขาการส่งเสริมการลงทุน อังค์ถัดควรพัฒนาเครื่องมือและแนวทางการลงทุนที่เป็นไปได้ และค้นหาแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด ในการบริการให้คำแนะนำของอังค์ถัด ควรมีการให้ความสนใจต่อประเด็นของผลประโยชน์ที่มีต่อประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด เช่น หลักธรรมาภิบาลในการส่งเสริมการลงทุน แนวทางการลงทุนควรถูกจัดสรรสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเลที่ ร้องขอ ภายใต้การมีอยู่ของทรัพยากรนอกงบประมาณ
151. อังค์ถัดควรดำเนินการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้มีส่วนร่วมในการอภิปรายข้อตกลงการลงทุนระหว่างประเทศ (IIAs) อังค์ถัดควรเน้นมิติการพัฒนาของ IIAs และตรวจสอบผลกระทบของ IIAs งาน ของอังค์ถัดในด้านนี้ควรครอบคลุมถึงการวิเคราะห์นโยบายและการสร้างขีดความ สามารถ ซึ่งสัมพันธ์กับการเจรจาและการปฏิบัติใช้ข้อตกลงด้านการลงทุนในระดับภูมิภาค และทวิภาคีในปัจจุบันและอนาคต การจัดการข้อพิพาทระหว่างผู้ลงทุนกับรัฐ ทางเลือกในมาตรการแก้ไขข้อพิพาท วิธีการสนับสนุนการลงทุนและผลกระทบของ IIAs
152. อังค์ถัดควรวิเคราะห์นโยบายวิสาหกิจโดยสมัครใจบนพื้นฐานของความรับผิดชอบทาง สังคมของบรรษัท และแนวทางการปฏิบัติอื่นๆ ในฐานะที่เป็นส่วนเติมเต็มกฎหมาย เพื่อบ่งชี้แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในอันที่จะทำให้ผลกระทบจากกิจกรรมของ บรรษัทที่มีต่อการพัฒนาเกิดสูงสุด โดยเฉพาะของบรรษัทข้ามชาติ อังค์ถัดควรประสานกิจกรรมของตัวเองในเรื่องนี้กับหน่วยงานระหว่างประเทศที่ เกี่ยวข้องอื่นๆ ซึ่งรวมถึง OECD ธนาคารโลก องค์การเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งองค์การสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization - UNIDO) ความร่วมมือโลกแห่งองค์การสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และคณะทำงานว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์การระหว่างประเทศเรื่องการสร้างมาตรฐาน (International Organization for Standardization - ISO - Working Group on Social Responsibility) เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มสูงสุด
153. โดยคำนึงถึงวาระการพัฒนาของ WIPO และ โดยไม่มีการอคติต่องานที่เวทีอื่นๆ รับไปทำ อังค์ถัดภายใต้ขอบอำนาจตนก็ควรสานต่อการวิจัยและการวิเคราะห์ในแง่มุมด้าน การค้าและการพัฒนาของทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรวมไปถึงในส่วนของการลงทุนและเทคโนโลยี
154. อังค์ถัดควรสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินการวิจัยและการวิเคราะห์ การให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค และการสร้างฉันทามติ ที่คำนึงถึงการกระตุ้นการพัฒนาวิสาหกิจและการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ มาตรการต่างๆ ควรถูกค้นหาเพื่อทำให้วิสาหกิจ โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและเล็กในประเทศกำลังพัฒนา ทำตามมาตรฐานสากล ส่งเสริมขีดความสามารถทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ และยกระดับการมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าในระดับโลก อังค์ถัดควรวิเคราะห์การเชื่อมโยงระหว่างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และบรษัทในเครือต่างชาติ เพื่อเพิ่มผลประโยชน์ของการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติที่มีต่อการพัฒนา และยกระดับความสามารถในการรแข่งขันในระดับนานาชาติของบริษัทจากประเทศกำลัง พัฒนา
155. อังค์ถัดควรช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมถึงการสร้างขีดความสามารถทางเทคนิค เพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานของ e-government ในการส่งเสริมความโปร่งใสและความเรียบง่ายของขั้นตอนรัฐบาลในเรื่องต่างๆ เช่น การลงทุนและการสร้างสรรค์ และการพัฒนาวิสาหกิจ
156. ผ่านกลุ่มการทำงานของผู้เชี่ยวชาญระหว่างรัฐบาลว่าด้วยมาตรฐานทางบัญชีและการรายงาน (ISAR) อังค์ ถัดควรช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาให้มีส่วนร่วมในกระบวนการที่สร้างมาตรฐาน และข้อบังคับทางบัญชีและการรายงานซึ่งได้รับการยอมรับในระดับระหว่างประเทศ ควบคู่กับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา อังค์ถัดควรช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการสร้างขีดความสามารถทางเทคนิคและ สถาบันที่จำเป็นต่อการนำมาตรฐานและข้อบังคับดังกล่าวไปใช้ อังค์ถัดควรส่งเสริมด้านการบัญชีและการรายงานที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างแนวทางที่กลมกลืนกันในหมู่ประเทศสมาชิก อังค์ถัดควรสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยน ผ่านอย่างต่อเนื่อง ในการรับและดำเนินงานตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ
157. อังค์ถัดควรจัดให้มีการวิเคราะห์นโยบายและการสร้างขีดความสามารถบนกรอบ กฎเกณฑ์ที่รอบคอบ การสร้างตลาดการประกันภัยที่แข่งขันได้ และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง อังค์ถัดควรช่วยเหลือประเทศต่างๆ ในการพัฒนาภาคการประกันภัย เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับการพัฒนา ในบริบทดังกล่าว ความช่วยเหลือควรมอบให้แก่ประเทศในทวีปอัฟริกาและประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาด เล็กที่มีความเสี่ยงต่อความล้มเหลวและมีความเปราะบางมากเป็นพิเศษ
158. อังค์ ถัดควรสร้างความเข้มแข็งในการวิจัยและการวิเคราะห์ในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศ และควรสนับสนุนนโยบายแห่งชาติและนโยบายระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ ในความรว่มมือกับองค์การระหว่างประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในประเด็นดังกล่าว อังค์ถัดควรสร้างบทเรียนจากประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จ พร้อมการถ่ายโอนและการเผยแพร่เทคโนโลยีผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ อังค์ถัดควรเพิ่มการสนับสนุนในความพยายามของประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะประเทศ พัฒนาน้อยที่สุด เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และเพื่อประเมินประสิทธิผลของนโยบายด้านนวัตกรรมภายในประเทศ อังค์ถัดควรช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับความร่วมมือระหว่างประเทศกำลัง พัฒนากับประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนากับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อนำความรู้และเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนา และเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงเปลี่ยน ผ่านในการเปลี่ยนแปลงผ่านการทบทวนนโยบายทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และความช่วยเหลือทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง
159. อังค์ถัดควรสนับสนุนการสร้างฉันทามติในการอภิปรายระหว่างประเทศในเรื่อง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนา ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศ และนัยยะที่มีต่อการพัฒนา และควรสานต่อการสนับสนุนในฐานะเลขาธิการคณะกรรมาธิการว่าด้วยวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีสำหรับการพัฒนา (Commission on Science and Technology for Development) อังค์ถัดควรให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาให้มีส่วนร่วมอย่างมี ประสิทธิภาพในการอภิปรายระหว่างประเทศในเรื่องการถ่ายโอนเทคโนโลยีและการ แบ่งปันความรู้ และสามารถระบุทางเลือกของนโยบายและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในเรื่องดังกล่าว อังค์ถัดควรให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการหาแนวทางและวิธีการเพื่อ ดำเนินการตามมาตราการถ่ายโอนเทคโนโลยีในข้อตกลงระหว่างประเทศ และดำเนินการตามผลจากการประชุมของสหประชาชาติและการประชุมสุดยอดผู้นำของสห ประชาชาติเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่มีศักยภาพสูงสุด
160. อังค์ถัดควรให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ประเทศต่างๆ ในเรื่องเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศ โดยเฉพาะในเรื่องการทบทวนนโยบายเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศ นโยบายเอื้อคนยากจน กรอบกฎหมายและกฎระเบียบ และการตรวจวัดเศรษฐกิจข้อมูลข่าวสาร ซึ่งรวมถึงผ่านหุ้นส่วนว่าด้วยการวัดเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศสำหรับการ พัฒนา (Partnership on Measuring ICT for Development) ที่เริ่มดำเนินการในการประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 10
161. อังค์ถัดควรสนับสนุนการดำเนินงานตามแนวทางของ World Summit ว่าด้วยสังคมแห่งข้อมูล (WSIS) ในเรื่องการสร้างขีดความสามารถ สภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวย e-business และ e-science โดย ร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง อังค์ถัดควรช่วยเหลือคณะกรรมาธิการในการดำเนินการตามหลักการเพื่อดำเนินรอย ตามผลลัพธ์จาก WSIS
162. อังค์ถัดควรยกระดับความช่วยเหลือในแผนการสร้างขีดความสามารถในมิติที่หลาก หลาย ซึ่งรวมถึงแผนการฝึกอกรมผู้ออกนโยบายในเรื่องการปฏิบัติการบูรณาการใน ประเด็นทางการค้า การลงทุน การเงิน เทคโนโลยี และการพัฒนา ซึ่งถูกอ้างอิงในย่อหน้าที่ 166 ของแผนการดำเนินการกรุงเทพ (Bangkok Plan of Action) ซึ่งต้องการให้ประเทศกำลังพัฒนามีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง อังค์ถัดควรสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถในการพัฒนาการวิจัยและการเรียนการ สอนท้องถิ่นในสถาบันทางวิชาการต่างๆ ของประเทศสมาชิก ผ่าน Virtual Institute และ ส่งเสริมการผึกอบรมและการสร้างขีดความสามารถที่เน้นผู้ค้าขาย เพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการพัฒนาขีดความสามารถท้องถิ่นอย่างยั่งยืนใน ประเด็นทางการค้า การลงทุน และการพัฒนาผ่านโครงการการฝึกเพื่อการค้า (TrainForTrade) อังค์ถัดควรใช้แผนการดังกล่าวในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างการวิจัยและปฏิบัติการการสร้างขีดความสามารถ
163. เช่นเดียวกับในเรื่องการสร้างขีดความสามารถ การริเริ่มของอังค์ถัด เรื่อง e-Tourism ในการประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 11 ควรถูกนำไปปฏิบัติในการสร้างขีดความสามารถเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยว
164. ในเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้า การขนส่งและการบริการที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา อังค์ถัดควรวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าและการขนส่งของประเทศกำลังพัฒนาและความมั่นคงของห่วง โซ่อุปทานระหว่างประเทศ อังค์ถัดควรเผยแพร่การวิเคราะห์และข้อมูลที่เกี่ยยวข้อง และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์
165. อังค์ถัดควรทำการวิจัยเพื่อพัฒนาคำแนะนำทางนโยบายที่จะช่วยประเทศกำลังพัฒนา ลดต้นทุนการขนส่งปละปรับปรุงประสิทธิภาพการคมนาคมและการติดต่อ การวิจัยควรให้ความสนใจกับความต้องการของเศรษฐกิจที่เปราะบางที่สุด โดยเฉพาะเพื่อการพัฒนาและการดำเนินการของระบบการขนส่งที่สอดคล้องซึ่งจะให้ ประโยชน์แก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเลและประเทศกำลังพัฒนาที่เป็น ทางผ่าน โดยคำนึงถึง แถลงการณ์รัฐมนตรีอัลมาตี (Almaty Ministerial Declaration) และแผนการดำเนินการอัลมาตี (Almaty Programme of Action) นอกจากนี้ควรให้ความสนใจกับการสนับสนุนการขนส่งแบบเชื่อมโยง
166. อังค์ถัดควรให้ความช่วยเหลือในการสร้างขีดความสามารถและความช่วยเหลือทาง วิชาการแก่ผู้ออกนโยบายและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ในประเทศกำลังพัฒนาในประเด็นต่างๆ เช่น การลดต้นทุนการขนส่งและปรับปรุงการเชื่อมต่อการขนส่งและความสามารถในการแข่ง ขัน การพัฒนาและการดำเนินการตามกรอบกฎหมายและสถาบัน และการวางแผนและการดำเนินการทั้งในระดับประเทศและระดับระหว่างประเทศในการ สนับสนุนการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการขนส่ง ซึ่งรวมถึงจุดถ่ายโอนสินค้า อังค์ถัดควรร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม อังค์ถัดควรช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการเจรจาเรื่องการขนส่งและการอำนวย ความสะดวกทางการค้า ซึ่งรวมถึงในบริบทของการประชุมรอบโดฮา และในการดำเนินการตามมาตรฐานและข้อตกลงอย่างมีประสิทธิภาพ
167. อังค์ถัดควรให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการออกแบบ และบังคับใช้นโยบายและปฏิบัติการที่มีวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ ของการดำเนินการทางการค้า รวมถึงการจัดการปฏิบัติการด้านการขนส่ง อังค์ถัดควรร่วมมือกับรัฐสมาชิกในการดำเนินการ Asycuda หรือระบบอัตโนมัติสำหรับข้อมูลศุลกากร
168. ผ่าน ทางการค้นคว้าและวิเคราะห์นโยบาย อังค์ถัดควรช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาสร้างตัวเลือกนโยบาย เพื่อจัดการกับความท้าทายในเชิงสิ่งแวดล้อมในความเกี่ยวโยงกับยุทธศาสตร์การ ขนส่ง และเพื่อช่วยบ่งชี้ความต้องการในการสร้างขีดความสามารถและการตอบสนองทาง กฎเกณฑ์ตามเหมาะสม
169. อังค์ถัดควรเพิ่มความเข้มข้นของกิจกรรมที่เกี่ยวกับการลงทุนของภาครัฐและ หุ้นส่วนระหว่างรัฐกับเอกชน โดยการขยายการค้นคว้าและวิเคราะห์ในรูปแบบต่างๆ ของการลงทุนของภาครัฐและเกณฑ์การบัญชี ตลอดจนโดยการใช้ความร่วมมือและความช่วยเหลือทางเทคนิค
170. โดยไม่มีอคติต่องานที่ทำในเวทีอื่นๆ และในความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ภายใต้ขอบอำนจของตน อังค์ถัดควรดำเนินการต่อไปในการวิเคราะห์ศักยภาพของการส่งเงินกลับโดยผู้ อพยพที่มีการพัฒนา อังค์ถัดควรที่จะมุ่งในวิถีทางที่จะขยายการเข้าถึงความช่วยเหลือทางการเงิน ของผู้อพยพ เพื่อขยายผลประโยชน์ที่ได้จากการส่งเงินกลับ และลดค่าใช้จ่ายผ่านนโยบายที่เหมาะสมโดย ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงลักษณะการป็นกองทุนเอกชน
IV หัวข้อย่อยที่ 4
การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ UNCTAD:
การสนับสนุนบทบาทการพัฒนา ผลกระทบ และประสิทธิผลเชิงสถาบัน
171. อังค์ถัดเป็น จุดศูนย์รวมภายในสหประชาชาติสำหรับการจัดการอย่างบูรณาการทางการค้าและการ พัฒนา และประเด็นทางการเงิน การลงทุน เทคโนโลยีและการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เกี่ยวข้อง มากกว่า 40 ปีที่ อังค์ถัดได้จัดการความกังวลใจของประเทศกำลังพัฒนาในเรื่องที่อยู่ภายขอบเขต อำนาจและความเชี่ยวชาญ โดยมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือประเทศเหล่านั้นให้มีการบูรณาการเข้ากับ เศรษบกิจโลกให้สำเร็จ ในบริบทของการพึ่งพากันอย่างลึกซึ้งระหว่างแต่ละประเทศ อังค์ถัดควรกำหนดทิศทางและพันธสัญญาเพื่อการพัฒนาสืบต่อไป ผ่าน 3 หลัก ในขณะที่ยังคงรับผิดชอบและมีความโปร่งใสต่อสมาชิก
172. ในบริบทของความเป็นจริงทางเศรษฐกิจโลกที่และความต้องการในการพัฒนาที่ เปลี่ยนแปลงไป การเสริมสร้างบทบาท ผลกระทบ และความมีประสิทธิภาพของสถาบัน ที่มีต่อการพัฒนาของอังค์ถัด เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้อังค์ถัดสามารถให้แนวทางที่มีประสิทธิภาพ และสนับสนุนในประเด็นที่เกิดขึ้นและปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานที่เกี่ยว พันกับการพัฒนาและการค้า กระบวนการในการสร้างความเข้มแข็งควรรวมถึง การปรับเปลี่ยนตัวชี้วัดความสำเร็จและมาตรฐานการปฏิบัติงานในบริบทของกรอบ การทำงานเชิงยุทธศาสตร์ การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานและโครงสร้าง และวิธีการที่เน้นย้ำเพื่อให้สามารถจัดการประเด็นทางการค้าและการพัฒนาภาย ใต้เป้าหมายของอังค์ถัดที่ตอบสนองต่อความต้องการ ความกังวล และความสำคัญของสมาชิก ดังที่ระบุผ่านกระบวนการระหว่างรัฐบาลได้ดียิ่งขึ้น
173. ใน การทำงานทุกอย่าง อังค์ถัดจะสร้างความพยายามให้ประเด็นที่เกี่ยวพันกับเรื่องความเท่าเทียมทาง เพศและการเพิ่มบทบาทของผู้หญิง การสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการจ้างงานเต็มที่และมีประสิทธิผล กลายเป็นเรื่องหลัก
174. ในการรักษาบทบาทของอังค์ถัดที่ได้รับมา อังค์ถัดควรวางตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของตนเอง ด้วยการแปลงกฎเกณฑ์ของหลักการต่างๆ ไปสู่การปฏิบัติ ได้แก่ ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ การสร้างความหลากหลายและการเกื้อหนุน และการแทรกแซงอย่างเป็นยุทธศาสตร์ เพื่อนำความเข้มแข็งขององค์การไปใช้ในการบรรลุผลลัพธ์ทางการพัฒนาให้ดีที่ สุด
175. นับตั้งแต่การประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 11 การอภิปรายในเรื่องการสร้างความเข้มแข็งแก่องค์กรนั้นต้องผ่านขั้นตอนมากมาย เช่น การทบทวนในระยะกลางที่ทำโดยคณะกรรมการทางการค้าและการพัฒนา (Trade and Development Board) ในปี ค.ศ. 2006 งานของคณะผู้ทรงเกียรติ (Panel of Eminent Persons) ที่จัดตั้งขึ้นโดยเลขาธิการทั่วไปของอังค์ถัดในปี ค.ศ. 2005 และการเตรียมการสำหรับการประชุมอังค์ถัดครั้งที่ 12
176. ในแง่นี้ บันทึกการประชุมที่ระบุผลลัพธ์ที่ได้ตกลงกันซึ่งอยู่ในรายงานของคณะกรรมการ การค้าและการพัฒนา ในรอบการประชุมฝ่ายบริหารครั้งที่ 41 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความเข้มแข็งแก่อังค์ถัด คำแนะนำที่ระบุในกลุ่มที่ 1 และ 2 ซึ่งได้ลงนามโดยรัฐสมาชิกควรนำไปปฏิบัติใช้อย่างเต็มที่ เลขาธิการควรรายงานและปรึกษารัฐสมาชิกบนพื้นฐานนี้
177. ความพยายามในการสร้างความเข้มแข็งให้กับบทบาทของอังค์ถัดเกิดขึ้นภายใต้บริบทการปฏิรูปอ’ค์ การสหประชาชาติอีกด้วย อังค์ถัดควรมีส่วนร่วมในประบวนการปฏิรูปองค์กลางสหประชาชาติ โดยเฉพาะในเรื่องบทบาทขององค์การสหประชาชาติในการพัฒนา และความพยายามในการสร้างความเชื่อมโยงกันภายในระบบ การค้าและการพัฒนาจะยังคงเป็นหลักสำคัญในการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติ และอังค์ถัดจะมีบทบาทที่โดดเด่นในการปฏิบัติภารกิจทางการค้าและการพัฒนาของ องค์การสหประชาชาติ เพื่อการดำเนินงานที่มีประเสิทธิภาพในกระบวนการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติ เป็นสิ่งสำคัญที่กระบวนการจะต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกองค์การ และทุกองค์การจะต้องเน้นความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ และความประหยัดของต้นทุน และการหลีกเลี่ยงวัตุประสงค์ที่ทับซ้อนกัน
178. เสาหลักทั้ง 3 ของอังค์ถัดในการวิจัยและการวิเคราะห์ การสร้างฉันทามติ และการร่วมมือทางวิชาการ ซึ่งถูกเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้น จำเป็นต้องถูกเสริมสร้างความเข้มแข็ง เพื่อให้องค์การสามารถดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ได้ อังค์ถัดควรเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการประสานงานภายใน พร้อมทั้งเน้นการวิจัยและการวิเคราะห์ การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ และการอภิปรายระหว่างรัฐบาล เพื่อประกันความเกี่ยวพันกันของทั้งสามเสาหลัก อังค์ถัดควรกำหนดจุดหลักๆ ภายในโครงสร้างปัจจุบันและทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อให้มีมุมมองต่อภูมิภาคลึกซึ้งยิ่งขึ้น
179. จากมุมองของการค้าและการพัฒนา สามเสาหลักดังกล่าวควรสนับสนุนการดำเนินการอย่างบูรณาการและสอดประสานของการ ติดตามผลลัพทธ์ที่ได้จากการประชุมสำคัญๆ และการประชุมสุดยอดผู้นำขององค์การสหประชาชาติในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสาขาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสนับสนุนบรรลุวัตถุประสงค์ด้านการพัฒนา รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ
180. อังค์ถัดและส่วนอื่นๆ ของระบบองค์การสหประชาชาติ องค์การระหว่างประเทศและองค์การส่วนภูมิภาคอื่นๆ และหน่วยงานระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ควรดำเนินความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการค้า การพัฒนาและประเด็นที่เกี่ยวข้อง ความร่วมมือดังกล่าวควรมีพื้นฐานมาจากการแบ่งงานกันทำที่ชัดเจนมากขึ้น และการใช้ประโยชน์สูงสุดจากการผสมผสาน การเกื้อหนุน และประสิทธิภาพ อังค์ถัดควรสนับสนุนการทำงานร่วมกับภาคประชาชนและหน่วยงานเอกชน พร้อมกันกับคงไว้ซึ่งลักษณะของความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาล
181. อังค์ถัดควรเพิ่มการมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนนโยบายของสภาเศรษฐกิจและสังคม (Economic and Social Council) สถาบัน Bretton Woods และ องค์การการค้าโลกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการแลกเปลี่ยนดังกล่าวมีความสำคัญในการประสานความพยายามเพื่อช่วย เหลือประเทศต่างๆ ในการบรรลุวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระหว่างประเทศที่ได้ตกลงกันในระดับระหว่าง ประเทศ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ
182. การประชุมยืนยันการสนับสนุนต่อศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (International Trade Center - ITC) ซึ่งมีศักยภาพพิเศษในการสร้างความร่วมมือกันและการเกื้อหนุนกันระหว่าง ITC และอังค์ถัดให้ดียิ่งขึ้น ITC เป็น หน่วยเพื่อการพัฒนาการส่งออกของอังค์ถัดและองค์การการค้าโลก และช่วยให้หน่วยธุรกิจต่างๆ ในประเทศกำลังพัฒนาได้รับประโยชน์จากโอกาสทางการค้า ITC และอังค์ถัดควรร่วมมือกัน โดยต่างมุ่งเน้นที่ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของตน ผลกระทบของการพัฒนาของกิจกรรมต่างๆ ของ ITC สามารถที่เพิ่มประสิทธิภาพได้ผ่านความเชื่อมโยงมี่เข้มแข็งกับอังค์ถัด เช่นเดียวกัน กิจกรรมหลายอย่างของอังค์ถัดสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของ ITC เพื่อตอบสนองกับความต้องการของประชาคมธุรกิจ อังค์ถัดและ ITC ควรที่จะยกระดับความร่วมมือในระดับชาติผ่านกลไก เช่น กลุ่มหน่วยงานต่างๆ ในด้านการค้าและภาคที่มีประสิทธิภาพ
183. ภายใต้มุมมองต่อความท้าทายในปัจจุบันในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เลขาธิการองค์การสหประชาชาติถูกเรียกร้องให้เปลี่ยนฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities Branch) เป็น หน่วยงานอิสระที่ขึ้นตรงต่อเลขาธิการอังค์ถัด ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ของฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ของกองการค้าระหว่างประเทศที่ เกี่ยวกับสินค้าและบริการ และสินค้าโภคภัณฑ์ (Division of International Trade in Goods and Services and Commodities) ในขณะที่รักษาหลักการของฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์และคำนึงถึงการทำงานขององค์การ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยไม่ซ้ำซ้อนกัน ผ่านการชี้นำและการนำของเลขาธิการอังค์ถัด หน่วยงานนี้ควรสนับสนุนความพยายามของประเทศกำลังพัฒนาเพื่อสร้างยุทธศาสตร์ และนโยบายที่ตอบสนองต่อความท้าทายและโอกาสของตลาดสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น
A. การค้นคว้าและวิจัย
184. การ วิจัยและการวิเคราะห์ถือเป็นงานหลักของอังค์ถัด ซึ่งควรจะเน้นไปทางด้านการพัฒนา มีความเป็นอิสระ และตั้งอยู่บนหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือ และควรที่จะ:
(a) เป็นงานที่สร้างสรรค์แก่การค้าและการพัฒนา รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้อง
(b) ให้ ความสนใจต่อความท้าทายหลักที่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่เศรษฐกิจกำลัง อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านกำลังเผชิญ ทั้งทางด้านการค้าและการพัฒนา และในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การลงทุน เทคโนโลยี และการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามเป้าหมายที่เห็นพ้องร่วมกันระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ ในแง่นนี้จำเป็นที่จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด
(c) สร้าง วิธีแก้ปัญหาและทางเลือกของนโยบายที่ใช้ได้จริง และการโต้ตอบเชิงวิเคราะห์ต่อความท้าทายในการพัฒนาที่เกิดขึ้นและมีมายาวนาน และตรวจสอบประเด็นในเชิงโครงสร้างอันเกี่ยวเนื่องกับการค้าและการพัฒนา และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
(d) แสวง หาโอกาสภายใต้อำนาจของอังค์ถัด เพื่อช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาใช้โลกาภิวัฒน์เป็นแรงขับเคลื่อนของการเจริญ เติบโตทางด้านเศรษฐกิจและการลดปัญหาความยากจน และเสนอคำแนะนำนโยบายที่ใช้ได้จริงโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดทั้งใน ระดับระหว่างประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับชาติ
(e) คำนึงถึงความต้องการ ความสำคัญ และประสบการณ์ของประเทศกำลังพัฒนา ตลอดจนความแตกต่างในระดับของการพัฒนาของประเทศ กำลังพัฒนามาคำนึงถึง
(f) เตรียม การทบทวนนโยบายรายประเทศและกรณีศึกษาในเรื่องการลงทุน การค้า การบริการ ปริมาณสินค้า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนวัตกรรม รวมไปถึงเทคโนโลยีการสื่อสารสนเทศ ตามการร้องขอและการสนับสนุนผู้บริจาค
(g) วิเคราะห์ นโยบายของประเทศที่มีอยู่ซึ่งสนับสนุนการพัฒนา ด้วยแนวคิดที่ต้องการหานโยบายที่มีประสิทธิภาพต่างๆ ซึ่งรวมถึงนโยบายที่สร้างสรรค์ ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาโดยทั่วไปและประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดจะสามารถนำมา พิจารณายุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติ หรือนำมาใช้ในแผนการอันเป็นรูปธรรมสำหรับการบังคับใช้นโยบายนั้นๆ ในความร่วมมือกับผู้รับผลประโยชน์ที่มีศักยภาพ
185. การ วิจัยและการวิเคราะห์ของอังค์ถัดควรที่จะกระตุ้น ตอกย้ำ และใช้ประโยชน์จากการหารือกันในทุกระดับของกลกไลระหว่างรัฐบาลในขอบอำนาจของ อังค์ถัด ผลการวิจัยและการวิเคราะห์ที่ได้รับการตีพิมพ์ควรมีกระบวนการที่โปร่งใสภาย สำนักเลขาธิการเพื่อประกันความเกี่ยวเนื่องต่อองค์กรในส่วนของความสำคัญของ นโยบายหลัก ในการวิจัยนั้น อังค์ถัดควรจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลจากหย่วยงานวิจัยและสถาบันวิชาการ ทั้งระดับชาติและระดับภูมิภาค นอกจากนี้ยังควรเพิ่มประสิทธิภาพของทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาคุณภาพของงานต่อ ไป ผลกระทบและความมีประสิทธิผลที่เพิ่มขึ้นของการวิจัยและวิเคราะห์นโยบายของ อังค์ถัดจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการให้ความสำคัญกับการยึดมั่นในการวิจัยภายใน ส่วนของโปรแกรมย่อย การประกันการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างหน่วยต่างๆ การส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนอันสร้างสรรค์กับหน่วยงานอื่นๆ ขององค์การสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศอื่นๆ การยกระดับการเกื้อหนุนที่มุ่งต่อการพัฒนา การทำงานร่วมกัน ตลอดจนความสอดคล้องกันของวัตุประสงค์ของแต่ละองค์กร และการประเมินผลของงานวิจัยอย่างเป็นระบบ
186. อังค์ถัดควรบังคับใช้ผลการตัดสินของคณะกรรมการกาค้าและการพัฒนา (Trade and Development Board) ที่ 499 (EX-17) อย่างเต็มที่และควรพัฒนาและยกระดับนโยบายด้านการเผยแพร่ข้อมูลโดยการเน้นผล การวิจัยที่โดดเด่น และการศึกษาที่สำคัญและเนื้อหาเฉพาะทางที่มีคุณภาพสูง อังค์ถัดยังควรที่จะปรับปรุงโปรแกรมการเผยแพร่ข้อมูลโดยคำนึงถึงความต้องการ ของประเทศกำลังพัฒนาและความต้องการที่ระบุร่วมกันในขั้นตอนการดำเนินการ ระหว่างรัฐบาล โปรแกรมการเผยแพร่ข้อมูลรายสองปีขององค์ถัดควรถูกทบทวนและรับรองโดยคณะ กรรมการการค้าและการลงทุน โดยสอดคล้องกับประเภทงบประมาณที่ตั้งไว้ (การเผยแพร่ข้อมูลแบบประจำ ไม่ประจำ และทางเทคนิค) เพื่อประกันความสม่ำเสมอ มีประสิทธิผล และความสำคัญ
187. เลขาธิการ ควรจะพัฒนายุทธศาสตร์การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยุทธศาสตร์ดังกล่าวควรมุ่งเป้ายังผู้รับที่กว้างขึ้น ซึ่งรวมถึงผู้กำหนดนโยบายระดับสูง สื่อ สถาบันวิชาการและการค้นคว้า และองค์กรประชาสังคมในประเทศพัฒนาแล้วและโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ก็ควรมีการนำมาใช้ที่มากขึ้น รวมไปถึงเว็บไซต์ของอังค์ถัดเอง และควรมีการแปลเป็นภาษาทางการต่างๆ ขององค์การสหประชาชาติในเวลาที่เหมาะสม การเผยแพร่ข้อมูลควรทำอย่างกว้างขวางโดยการเป็นหุ้นส่วนกับองค์กรระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับระหว่างประเทศ
188. ยุทธศาสตร์การสื่อสาร ซึ่งรวมไปถึงนโยบายการเผยแพร่ข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุง ควรได้รับการเห็นชอบโดยคณะกรรมการการค้าและการลงทุนไม่เกินสมัยประชุมที่ 56
B. การสร้างฉันทามติ
189. เสา หลักการสร้างฉันทามติของงานของอังค์ถัดคือความสำคัญพื้นฐาน กลไกระหว่างรัฐบาลควรพยายามสร้างฉันทามติในนโยบายที่เอื้อให้ประเทศกำลัง พัฒนาได้รับโอกาสมากที่สุดและจัดการกับความท้าทายของโลกาภิวัฒน์และการ บูรณาการทางเศรษฐกิจ และในนโยบายที่สนับสนุนสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างยั่งยืนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอจากนี้ยังควรจัดแนวทางสำหรับการทำงานของเลขาธิการของทั้งสามเสาหลักของอัง ค์ถัด รูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลของอังค์ถัดต้องคงรักษาเอาไว้ และความสอดคล้องระหว่างในระดับต่างๆ ของกระบวนการร่วมของรัฐบาลต่างๆ นั้นต้องได้รับการยกระดับให้ดีขึ้น
190. ผลลัพธ์ของการประชุมระหว่างรัฐบาลควรมุ่งไปที่การดำเนินการ และควรระบุทางแก้ปัญหาทางการค้าและการพัฒนาที่ปฏิบัติได้จริง
191. การมีส่วนร่วมที่มากขึ้นของตัวแสดงที่มิใช้รัฐ ภาคประชาสังคม หน่วยงานเอกชน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆควรได้รับการสนับสนุนจากการประชุมระหว่างรัฐบาลของอัง ค์ถัด ซึ่งรวมถึงการประชุมผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความสอดคล้องกับกฎและขั้นตอนระบุในย่อหน้าที่ 115 ถึง 118 ของฉันทามติเซาท์เปาโล (Sao Paolo Consensus)
1. คณะกรรมการการค้าและการพัฒนา
192. ในฐานะหน่วยที่สูงที่สุดของอังค์ถัดในการประชุม คณะกรรมการควรเสริมสร้างความเข้มแข็งในหน้าที่ด้านการตัดสินใจและด้านนโยบาย ตลอดจนหน้าที่ด้านธรรมาภิบาล และควรสร้างความต่อเนื่องในกิจกรรมขององค์การและการนำไปปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว คณะกรรมการควรเน้นเรื่องดังต่อไปนี้:
(a) การจัดการอภิปรายนโยบายและการสร้างฉันทามติระหว่างรัฐบาลในประเด็นนโยบายยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
(b) การทบทวนการแผยแผร่ข้อมูลที่สำคัญ และการทำหน้าที่เป็นเวทีการประชุมเพื่อการเผยแพร่ความรู้
(c) การ บูรณาการผลลัพธ์ของหน่วยงานในสังกัดอย่างเป็นระบบร่วมกัน เพื่อสร้างแนวทางของนโยบาย ซึ่งรวมถึงทิศทางสำหรับงานใหม่ๆ ที่ครอบคลุมทั้งสามเสาหลัก
(d) การทำให้แน่ใจว่า ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสามเสาหลักของอังค์ถัดมีประสิทธิภาพ และการผสมผสานระหว่างกันเกิดขึ้น
(e) การคำนึงถึงแผนการทำงานขององค์การโดยรวม ตลอดจนความสอดคล้องของวัตถุประสงค์
(f) การ ควบคุมการปฏิบัติการของหน่วยงานในสังกัด และการทำให้แน่ใจว่า หน่วยงานดังกล่าวและเลขาธิการได้ทำตามวัตถุประสงค์ โดยสอดคล้องกับการตัดสินใจระหว่างรัฐบาลของอังค์ถัด
(g) การ พิจารณาและการอนุมัติยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางวิชาการของอังค์ถัด ซึ่งมีพื้นฐานมาจากคำแนะนำของคณะทำงานว่าด้วยแผนการระยะกลางและงบประมาณของ โครงการ
(h) การ ติดตามกลยุทธศาสตร์การสื่อสารของอังค์ถัด ซึ่งรวมไปถึงนโยบายการเผยแพร่ข้อมูลและการเผยแพร่สิ่งตีพิมพ์ เพื่อประกันการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ และการปรับปรุงตามที่จำเป็น ซึ่งมีพื้นฐานมาจากคำแนะนำของคณะทำงานว่าด้วยแผนการระยะกลางและงบประมาณของ โครงการ
193. วาระของคณะกรรมการควรจะสะท้อนผลประโยชน์และความกังวลของสมาชิกภาพของอัง ค์ถัด ควรเป็นลักษณะเชิงนโยบาย ควรรวมประเด็นที่หลากหลายและน่าสนใจภายใต้ขอบอำนาจของอังค์ถัด และควรได้รับการจัดให้อยู่ภายใต้รูปแบบที่เห็นต้องกันในหมู่สมาชิก ในการจัดการการหารือที่สำคัญ ซึ่งรวมไปถึงภาคส่วนระดับสูง ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อให้บรรลุผลตามการอภิปราย บนพื้นฐานของผลจากการวิจัยและการวิเคราะห์ของอังค์ถัด
194. คณะกรรมการจะเพิ่มหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การพัฒนาในโลกยุคโลกาภิวัฒน์” เข้าในวาระทั่วไป
195. ในฐานะที่เป็นองค์กรของที่สมัชชาทั่วไป อังค์ถัดควรเพิ่มการสนับสนุนงานขององค์กรแม่ รายงานของคณะกรรมการต่อสมัชชาทั่วไปจะดำเนินต่อไปเพื่อให้ประนีประนอมผลการ ประชุมที่มีต่อแอฟริกา ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด กลุ่มความร่วมมือทางเทคนิค ผลสรุปของประธานการประชุม และผลการประชุมที่แจ้งต่อเลขาธิการ คณะกรรมการควรสนับสนุนมาขึ้นต่องานของสภาเศรษฐกิจและสังคม (Economic and Social Council) โดย สอดคล้องกับข้อมติของสมัชชาทั่วไป โดยเฉพะอย่างยิ่งงานที่เกี่ยวกับการดำเนินงานเชิงบูรณาการและการติดตามผลของ การประชุมที่สำคัญและการประชุมสุดยอดขององค์การสหประชาชาติ
196. การประชุมประจำปีทั่วไปของคณะกรรมการจะเกิดขึ้นในต้นเดือนกันยายน
197. โดยสอดคล้องกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย คณะกรรมากรควรจัดการเพื่อยกระดับความเกี่ยวโยงกับหน่วยงานระหว่างรัฐบาล ประเทศต่างๆ ซึ่งมีกิจกรรมเกี่ยวพันกับหน้าที่ดังหน้า ในแง่นี้ ประธานของคณะกรรมการการค้าและการพัฒนาควรสานการมีส่วนร่วมในการพิจารณาของ สมัชชาทั่วไปในเรื่องการค้าและการพัฒนา และในการประชุมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาเศรษฐกิจละสังคมกับสถาบัน Bretton Woods องค์การ การค้าโลก และอังค์ถัด และอาจเข้าร่วมในกิจกรรมที่สำคัญอื่นๆ ณ นครเจนีวาตามคำเชิญ ประธานของคณะกรรมการจะแถลงโดยคร่าวถึงผลของการประชุมและการเข้าร่วมนั้นๆ ต่อรัฐสมาชิกของอังค์ถัด
198. ประธานของคณะกรรมการจะจัดการปรึกษาประจำเดือนกับสำนักคณะกรรมการ (ฺBureau of Board) แบบขยายและสมาชิกที่สนใจ เพื่อให้มีการสรุปโดยคร่าวโดยเลขาธิการในเรื่องการประชุมที่จะมีขึ้น การติดตามผลอย่างไม่เป็นทางการ และงานเชิงพิธีการ การประชุมปรึกษาประจำเดือนควรจะดำเนินต่อไปเพื่อใช้เป็นเวทีระหว่าง เลขาธิการและรัฐสมาชิกในประเด็นที่เกี่ยวกับผลประโยชน์องค์กร
199. ที่ประชุมยินดีต่อการจัดตั้งของ Global Network of Development Think Tanks ซึ่ง เกี่ยวข้องกับสถาบันในระดับประเทศและเครือข่ายภูมิภาค ที่ประชุมจะเชิญเลขาธิการทั่วไปของอังค์ถัด บนพื้นฐานของประสบการณ์และบทเรียนที่ได้จากการทำงานของเครือข่าย โดยเฉพาะเวทีการหารือสำคัญๆ เพื่อหาความเป็นได้ของการจัดการประชุมประจำปีของเครือข่ายระดับโลกข้างต้น ซึ่งจะมีการจัดพร้อมกับการประชุมสามัญของคณะกรรมการ
200. จะมีสาระเพิ่มเติมวาระในการประชุมทั่วไปของคณะกรรมากรการค้าและการพัฒนาในปี ค.ศ. 2010 ที่ใช้ชื่อว่า “การประเมินและการทบทวนการดำเนินการของอังค์ถัดตามข้อตกลงอักกรา” เพื่อดูแลวาระดังกล่าว ที่ประชุมสามัญจะถูกขยายออกไปหนึ่งสัปดาห์ เลขาธิการอังค์ถัดจะนำเสนอรายงานในการดำเนินการของอังค์ถัดตามข้อตกลงอักกรา รายงานนี้จะเป็นพื้นฐานของการหารือของรัฐสมาชิก ซึ่งอาจกลายเป็นข้อเสนอแนะต่อเลขาธิการในการดำเนินการดังกล่าว
2. คณะกรรมาธิการ
201. คณะ กรรมาธิการ คือ หน่วยงานในสังกัดของคณะกรรมการการค้าและการพัฒนา และรายงานของคณะกรรมาธิการ ซึ่งรวมถึงข้อสรุปและคำแนะนำที่ตกลงภายในระยะเวลาการประชุม จะถูกยื่นต่อคณะกรรมการการค้าและการพัฒนาเพื่อการอนุมัติ คณะกรรมาธิการ คือ การประชุมระหว่างรัฐบาลที่เข้าร่วมโดยตัวแทนของรัฐบาล บทบาทของคณะกรรมาธิการ คือ การสร้างการหารือในนโยบายในประเด็นที่ได้คัดเลือกมาหนึ่งหรือสองประเด็น การ พิจารณารายงานการประชุมผู้เชี่ยวชาญ การจัดการและการแนะนำสำหรับการอนุมัติแผนการทำงานของการประชุมผู้เชี่ยวชาญ ภายในขอบเขตของตน และการสนับสนุนและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเสาหลักทั้งสาม
202. คณะกรรมาธิการจะมีสองชุด: ชุดแรกมีชื่อว่า คณะกรรมาธิการการค้าและการพัฒนา (Trade and Development Commission) และชุดที่สองมีชื่อว่า คณะกรรมาธิการการลงทุน วิสาหกิจ และการพัฒนา (Investment, Enterprise and Development Commission) คณะกรรมาธิการการค้าและการพัฒนาจะมีอำนาจตามคณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าในสินค้าและบริการ และสินค้าโภคภัณฑ์ (Commission on Trade in Good and Services, and Commodities) เดิม และจะรับความรับผิดชอบในประเด็นการขนส่งและการขนส่งทางการค้าจากคณะ กรรมาธิการว่าด้วยวิสาหกิจ การอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ และการพัฒนา (Commission on Enterprise, Business Facilitation and Development) เดิม คณะกรรมาธิการการลงทุน วิสาหกิจ และการพัฒนาจะมีอำนาจตามคณะกรรมาธิการว่าด้วยการลงทุน เทคโนโลยี และประเด็นทางการเงินที่เกี่ยวข้อง (Commission on Investment, Technology and Related Financial Issues) เดิม และจะรับความรับผิดชอบในประเด็นวิสาหกิจและเทคโนโลยีการสื่อสารสารสนเทศจาก คณะกรรมาธิการว่าด้วยวิสาหกิจ การอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ และการพัฒนาเดิม
203. ผลของสมุยประชุมคณะกรรมาธิการจะเป็นข้อสรุปจากการอภิปรายนโยบายและคำแนะนำ ต่อเลขาธิการที่จะบรรลุภายในระยะเวลาของสมัยประชุม ในการนี้ ข้อแนะนำต่างๆ สามารถรวมถึงข้อแนะนำในขอบข่ายและหัวข้อการวิจัย บน พื้นฐานของการหารือระหว่างผู้รับประโยชน์และผู้บริจาค ข้อเสนอแนะควรรวมถึงข้อแนะนำเรื่องการดำเนินการ และการยุติโครงการความร่วมมือด้านเทคนิค ถ้าหากได้ทำการตกลงร่วมกันแล้วจากฝ่ายที่สนใจ ข้อสรุปและข้อเสนอแนะเหล่านี้ควรถูกเน้นย้ำ สั้น และเกี่ยวข้องโดยตรงกับระเบียบวาระของสมัยประชุม และควรจัดหาข้อมูลสำหรับเสาหลักการวิจัยและการวิเคราะห์ ตลอดจนเสาหลักความร่วมมือทางเทคนิค ซึ่งจะสะท้อนออกมาในรายงานของคณะกรรมาธิการ
204. หัว ข้อสำคัญสำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการจะถูกตัดสินโดยคณะกรรมาธิการการค้าและ การพัฒนาตามข้อแนะนำจากสำนักคณะกรรมการ อย่างน้อยหกเดือนของสมัยประชุมคณะกรรมาธิการ และจะอยู่บนพื้นฐานของหัวข้อที่ถูกเลือกจากการวิจัยของเลขาธิการหรือจาก ประเด็นที่อยู่ในความสนใจที่ระบุอยู่ในรายงานการประชุมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้นต่อความสนใจของรัฐสมาชิกในการเตรียมการ สมัยประชุมคณะกรรมาธิการ ระหว่างสมัยประชุมสำนักคณะกรรมการการค้าและการพัฒนาจะมีการติดตามการเตรียม การสำหรับสมัยประชุมคณะกรรมาธิการในครั้งต่อไป
205. สมัย ประชุมคณะกรรมาธิการจะจัดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละปีในฤดูใบไม้ผลิ และจัดติดกัน เพื่อทำให้การวางแผนและการเข้าร่วมดีขึ้น ซึ่งรวมถึงเงินทุนต่างๆ แต่ละสมัยประชุมจะมีระยะเวลาห้าวัน ระยะเวลาดังกล่าวรวมถึงเวลาพักหนึ่งวันเพื่อการปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ ช่วงสามวันแรกจะเน้นเรื่องสำคัญๆ ซึ่งประกอบด้วยประเด็นหนึ่งหรือสองประเด็นที่ได้ตัดสินไว้ก่อนหน้านั้นโดย สำนักคณะกรรมการการค้าและการพัฒนา และโดยข้อพิจารณาจากรายงานการประชุมผู้เชี่ยวชาญและแผนการทำงาน หลังจากช่วงพักในหนึ่งวัน วันสุดท้ายของสมัยประชุมคณะกรรมาธิการจะพิจารณาในประเด็นเชิงสถาบันของวาระ ดังกล่าว และรับรองผลที่ได้ข้อตกลงร่วม
206. เพื่อเป็นข้อมูลนำเข้า การประชุมคณะกรรมาธิการจะมี: เอกสาร สำคัญที่ถูกจัดเตรียมจากเลขาธิการ ซึ่งเป็นความเห็นและข้อเสนอแนะของเลขาธิการบนพื้นฐานจากข้อมูลการวิจัยและ การวิเคราะห์ของเลขาธิการ รายงานการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลจาก Global Network of Development Think Tank ภาคประชา สังคม และภาคธุรกิจ และรายงานกิจกรรมของเลขาธิการ เอกสารจะต้องผลิตก่อนหน้าสมัยประชุมอย่างน้อยหกสัปดาห์ ในภาษาทางการของอังค์ถัด และสอดคล้องตามกฏบัตรขององค์การสหประชาชาติ
3. การประชุมผู้เชี่ยวชาญ
207. การประชุมผู้เชี่ยวชาญจะดำเนินการจัดขึ้นภายใต้การอุปถัมภ์จากคณะกรรมาธิการ การประชุมผู้เชี่ยวชาญควรทำให้เข้มแข็ง เพื่อว่าคณะผู้เชี่ยวชาญจะให้การช่วยเหลือเพิ่มขึ้นต่อโครงการของอังค์ถัดใน ทั้งสามเสาหลัก การประชุมผู้เชี่ยวชาญจะจัดขึ้นในสมัยประชุมเดียวหรือในสมัยประชุมหลายปี จะไม่มีการเพิ่มจำนวนครั้งการประชุมผู้เชี่ยวชาญต่อปี (แปด) สมัย ประชุมหนึ่งจะสิ้นสุดไม่เกินสามวัน การประชุมผู้เชี่ยวชาญทุกครั้งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับแต่งตั้งจาก รัฐสมาชิก แต่จะทำหน้าที่ตามความสามารถเฉพาะบุคคล การเข้าร่วมในสัดส่วนที่สมดุลจากเมืองในภูมิภาคต่างๆ ควรได้รับการสนับสนุน การประชุมผู้เชี่ยวชาญควรเป็นแบบมีปฏิสัมพันธ์และทำให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคน เข้าร่วมได้เต็มที่ ควรได้รับการสนับสนุนในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และควรช่วยทำให้เกิดเครือข่ายระหว่างผู้เชี่ยวชาญ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของรายงานฝ่ายประธาน การประชุมผู้เชี่ยวชาญจะสร้างทางเลือก และผลลัพธ์ที่ใช้ได้จริงสำหรับการพิจารณาโดยคณะกรรมาธิการ เช่น รายงานแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด เช็คลิสต์ แนวทางปฏิบัติ ชุดของหลักเกณฑ์และหลักการ และกรอบการทำงานตัวอย่าง
208. ใน ส่วนของหัวข้อและการอ้างอิงสำหรับการประชุมผู้เชี่ยวชาญหลายปีจะถูกกำหนดจาก คณะกรรมการการค้าและการพัฒนาในสมัยประชุมครั้งที่ห้าสิบห้า การประชุมผู้เชี่ยวชาญหลายปีจะรายงานผลต่อคณะกรรมการทุกปี และจะนานมากที่สุดถึงสี่ปี แม้จะไม่เกินสมัยประชุมตามที่ได้ก่อตั้งมา ในแง่นี้ คณะกรรมการการค้าและการพัฒนาจะจัดการประชุมผู้เชี่ยวชาญหลายปีในเรื่อง สินค้าโภคภัณฑ์
209. การ ประชุมผู้เชี่ยวชาญสมัยเดียวจะประชุมในหัวข้อเฉพาะ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน หัวข้อต่างๆ จะได้รับการตัดสินจากคณะกรรมการการค้าและการพัฒนา
210. เงิน ทุนสำหรับการเข้าร่วมของผู้เชี่ยวชาญจากประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมถึงประเทศพัฒนาน้อยที่สุดและประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทาง เศรษฐกิจ จะต้องยั่งยืนและสามารถคาดการณ์ได้ เงินทุนจะมาจากกองทุนที่เกิดขึ้นตามวัตถุประสงค์นี้ และเลขาธิการทั่วไปของอังค์ถัดจะถูกเรียกร้องให้มีการดำเนินความพยายามครั้ง ใหม่และยั่งยืนในการดึงการสนับสนุนต่อกองทุนบนพื้นฐานของความสำคัญ รัฐสมาชิกจะได้รับการกระตุ้นให้สนับสนุนเงินทุน
211. กลุ่มระหว่างรัฐบาลของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องกฎหมายและนโยบายการแข่งขัน (Intergovernmental Group of Experts on Competition Law and Policy) และกลุ่มทำงานระหว่างรัฐบาลของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องมาตรฐานของการบัญชีและการรายงานระหว่างประเทศ (Intergovernmental Working Group of Experts on International Standards of Accounting and Reporting) จะยังคงมีการประชุมทุกๆ ปี
C. ความร่วมมือทางวิชาการ
212. ในฐานะหนึ่งในสามเสาหลักของอังค์ถัด ความร่วมมือทางวิชาการควรถูกบูรณาการเข้ากับอีกสองเสาหลัก ความร่วมมือทางวิชาการควร:
(a) ให้ผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมในระดับระหว่างภูมิภาค ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนาทุกประเทศ
(b) ถูกผลักดันจากความต้องการ และยอมรับการเป็นเจ้าของประเทศนั้น
(c) อยู่บนหลักการความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ ความมีประสิทธิผล และความรับผิดชอบ
(d) จัดการกับความต้องการของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศพัฒนาน้อยที่สุด อย่างต่อเนื่อง
(e) จัดการกับความต้องการของทวีปอัฟริกาเป็นพิเศษ
(f) ถูกวางแผนและนำไปปฏิบัติโดยคำนึงถึงความความสมดุลทางภูมิศาสตร์
(g) จัดการกับความต้องการและปัญหาพิเศษของประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกทะเลอย่างต่อเนื่อง
(h) จัดการ กับความต้องการพิเศษของรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะเล็กๆ อย่างต่อเนื่อง และจัดการกับความต้องการพิเศษของประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอในเชิงโครงสร้าง เปราะบาง และมีขนาดเล็ก
(i) สอดคล้องการตัดสินของคณะกรรมการการค้าและการพัฒนาที่ 492 (LIV) ของปี ค.ศ. 2007 และ 478 (L) ของปี ค.ศ. 2003
(j) สอดคล้องกับข้อสรุปของการทบทวนระยะกลางในปี ค.ศ. 2006 เช่นกัน
213. การ ดำเนินกิจกรรมความช่วยเหลือทางวิชาการบนพื้นฐานของการเป็นหุ้นส่วนในภูมิภาค ควรมีมากที่สุด เพื่อให้เกิดผลประโยชน์จากทรัพยากรร่วมกัน วิสาหกิจส่วนท้องถิ่นและส่วนภูมิภาคและทรัพยากรควรถูกใช้ให้เกิดประโยชน์สูง สุด เพื่อส่งเสริมความสามารถของประเทศผู้รับและเพื่อผลประโยชน์ที่ยั่งยืน
214. ใน ส่วนที่เกี่ยวกับประเทศพัฒนาน้อยที่สุด อังค์ถัดควรให้การสนับสนุนกรอบการทำงานแบบบูรณาการสำหรับความช่วยเหลือทาง วิชาการที่เกี่ยวข้องกับการค้าแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Enhanced Integrated Framework for Trade-related Technical Assistance to Least Developed Countries) มาก ยิ่งขึ้น ในความร่วมมือกับสถาบันที่เข้าร่วม อังค์ถัดควรส่งเสริมความสามารถสำหรับการจัดการที่มีประสิทธิภาพ การดำเนินการ และการควบคุมกระแสการค้าให้ไปสู่แผนการพัฒนาแห่งชาติของประเทศพัฒนาน้อยที่ สุด ที่ประชุมตระหนักถึงผลลัพธ์ของการประชุมว่าด้วยกรอบการทำงานเชิงบูรณาการดัง กล่าว ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงสต๊อกโฮล์ม ในวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 2007
215. ควรมีความพยายามในการปรับปรุงการจัดการ การประเมิน และการรายงานกิจกรรมความช่วยเหลือทางวิชาการ พร้อมความสนใจที่มากขึ้นในเรื่อง:
216. ที่ประชุมเน้นย้ำคำตัดสินของคณะกรรมการการค้าและการพัฒนาที่ 492 (LIV) และ สนับสนุนการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มการคาดการณ์ได้ ความโปร่งใส และความสอดคล้องในการวางแผนและการดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ ภายใต้วิสัยทัศน์เพื่อส่งเสริมความมีประสิทธิผลและผลกระทบจากความร่วมมือทาง วิชาการของอังค์ถัด
217. การระดมเงินกองทุนควรมีการปรับปรุง ตามคำตัดสินของคณะกรรมการการค้าและการพัฒนาที่ 492 (LIV) ผู้บริจาคและผู้บริจาคที่มีศักยภาพถูกเรียกร้องให้บริจาคแบบหลายปีให้แก่กองทุนพิเศษที่เพิ่งจัดตั้งขึ้น เพื่อ เพิ่มการคาดการณ์ได้ในการวางแผนและการดำเนินการโครงการให้ความช่วยเหลือทาง วิชาการที่เกี่ยวข้อง วิธีและทางเลือกอื่นๆ ในการปรับปรุงการระดมเงินทุนและความทำให้ฐานเงินทุนมีความหลากหลายควรมีการ สำรวจเพิ่มเติม เช่น การดำเนินงานและการนำเสนอความสามารถและโครงการการให้ความเชื่อเหลือทางวิชา การของอังค์ถัดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการนำเสนอความจำเป็นของเงินทุน
218. หนึ่ง ในวัตถุประสงค์หลักของข้อเสนอการปฏิรูปองค์การสหประชาชาติคือ การปรับปรุงวิธีการดำเนินการในระดับชาติของหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ อังค์ถัดควรเสริมความเชื่อมโยงในการดำเนินการกับหน่วยงานอื่นๆ ขององค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ดำเนินการในระดับประเทศ ที่ประชุมยินดีต่อการจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทางการค้าและภาคการผลิตโดยคณะผู้บริหารระบบองค์การสหประชาชาติเพื่อการประสานงาน (United Nations System Chief Executive Board for Coordination) โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมบทบาททางค้าและประเด็นที่เกี่ยวข้องในแผนการ การให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาขององค์การสหประชาชาติ การดำเนินงานร่วมกันในระดับประเทศ และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในเรื่องนี้ โครงการฝึกอบรมที่ถูกสร้างขึ้นใหม่สำหรับผู้ประสานงานขององค์การสหประชาชาติ ในเรื่องกิจกรรมและแผนการของกลุ่มความร่วมมือระหว่างหน่วยงานควรถูกดำเนิน การอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมดังกล่าว ภายใต้กรอบการทำงานที่เลขาธิการสร้างขึ้น จุดประสานในระดับภูมิภาคซึ่งถูกอ้างถึงในย่อหน้าที่ 182 ข้างต้นควรช่วยเหลือผู้ประสานงานขององค์การสหประชาชาติในการระบุและพัฒนาแผนการของอังค์ถัดสำหรับแต่ละประเทศ ข้อมติที่ 62/208 ของสมัชชาทั่วไปที่มีชื่อว่า “Triennial comprehensive policy review of operational activities for development of the United Nations system” และข้อมติที่ตามมาอื่นๆ ในเรื่องดังกล่าว ควรดำเนินการโดยอังค์ถัดอย่างรวดเร็วที่สุด
219. ที่ประชุมยินดีและสนับสนุนการดำเนินการให้โครงการความช่วยเหลือเพื่อการค้า และสิ่งที่อยู่ในการประชุมทบทวนความช่วยเหลือเพื่อการค้า (Aid for Trade Global Review) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 ถึง 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 โครงการ ความช่วยเหลือเพื่อการค้ารวมถึงทรัพยากรสำหรับการช่วยเหลือทางวิชาการ ที่ให้ผ่านชองทางทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อสร้างขีดความสามารถในการออกนโยบายการค้าที่ท้องถิ่นเป็นเจ้าของ มีส่วนร่วมในการเจรจาทางการค้า ดำเนินการตามข้อตกลงทางการค้า สร้างขีดความสามารถด้านอุปทาน และลดต้นทุนในการปรับเปลี่ยน อังค์ถัดสามารถสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือเพื่อการค้าผ่านกิจกรรมการให้ ความช่วยเหลือทางวิชาการ ซึ่งรวมถึงผ่านการมีส่วนร่วมในกลุ่มที่มีขีดความสามารถทางการค้าและการผลิต
220. อังค์ ถัดควรปรับปรุงการขยายความร่วมมือทางวิชาการต่อประเทศผู้รับที่มีศักยภาพ ซึ่งรวมถึงประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ตามคำตัดสินคณะกรรมการการค้าและการพัฒนาที่ 478 (L) ปฏิ สัมพันธ์ระหว่างเลขาธิการ ผู้ได้รับประโยชน์ และผู้บริจาคเกี่ยวกับความร่วมมือทางวิชาการของอังค์ถัดควรดำเนินการในรูป แบบที่เป็นโครงสร้างมากยิ่งขึ้น และควรได้รับการอำนวยความสะดวกภายใต้กรอบของคณะทำงานว่าด้วยแผนการระยะกลาง และและงบประมาณโครงการ (ความร่วมมือทางวิชาการ)
D.การดำเนินการ
221. เพื่อให้ดำเนินกิจกรรมที่ถูกวาดโครงร่างไว้ในย่อหน้าเกี่ยวกับการสนับสนุน ของอังค์ถัดและการสร้างความเข้มแข็งของอังค์ถัดในข้อตกลงอักกราอย่างมี ประสิทธิภาพและทันเวลา ควรมีการนำเสนอในรูปของแผนการทำงานสำหรับสี่ปีข้างหน้าที่มีการระบุวัตถุ ประสงค์และผลที่ชัดเจน ซึ่งรวมถึงกรอบระยะเวลาและผลลัพธ์ที่คาดหวังไว้ โดยให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์และการดำเนินการขององค์การสหประชาชาติ เลขาธิการทั่วไปของอังค์ถัดควรนำเสนอแผนการทำงานต่อรัฐสมาชิกเพื่อการ อภิปรายในการประชุมแรกของคณะทำงานว่าด้วยแผนการระยะกลางและและงบประมาณ โครงการ และสมัยประชุมที่ตามมาของคณะกรรมการการค้าและการพัฒนา
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)