สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ ฯ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected] หรือ [email protected]

            หลายปีที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนัก จากวิกฤติซับไพร์มที่เกิดจากการที่สถาบันการเงินประสบปัญหาหนี้สินเสียจากอสังหาริมทรัพทย์ด้อยค่า โดยสถาบันการเงินปล่อยกู้ให้กับบุคคลที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อเอาไว้หักชำระหนี้จากวิกฤตดังกล่าว รัฐบาลกลางสหรัฐฯได้มีการนำนโยบายต่าง ๆ มาใช้ โดยสถานการณ์เศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐนั้น มีสถิติการจ้างงานเพิ่มขึ้น โดยสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขสถิติการจ้างงานประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ ว่ามีอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง ๘๐,๐๐๐ งาน แต่ทว่าตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดการณ์ไว้ และอัตราการว่างงานยังคงตัวอยู่ที่ร้อยละ ๘.๒

            นอกจากนี้สำนักสวัสดิการสังคมสหรัฐฯ ได้เปิดเผยตัวเลขในเดือนเดียวกันว่ามีแรงงานที่เข้าร่วมโครงการเพื่อขอรับสวัสดิการเพื่อผู้พิการ มากกว่าอัตราการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นถึง ๕,๐๐๐ คน ในขณะเดียวกันสถิติของประชาชนที่ขอเข้ารับสวัสดิการอาหาร (Food Stamp) เพิ่มขึ้น ๑๑.๓ ล้านคน หรือคิดเป็นอัตรา เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๒ นับจากเดือนมิถุนายนปี ๒๕๕๒ ถึง ปี ๒๕๕๕

            จากตัวเลขสถิติการสร้างงานที่ตกต่ำตลอดช่วงสามเดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นความน่าเป็นห่วงของแนวโนมเศรษฐกิจสหรัฐฯ และมีผลในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนต่อไป นโยบายในการแก้ไขและพัฒนาทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน Barack Obama มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อคะแนนความนิยม ที่อาจส่งผลกระทบให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกหนึ่งสมัย เฉกเช่นเดียวกันกับประธานาธิบดี Regan ที่ได้รับชัยชนะเนื่องจากนโยบายที่มีอัตราการจ้างงานมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา ๑๘ เดือนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมานับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๒ ยังไม่เคยมีประธานาธิบดีคนไหนที่ได้รับการเลือกตั้งซ้ำ หากในสมัยนั้นยังมีอัตราการจ้างงานที่สูงกว่า ๗.๕ เปอร์เซ็น