เหตุใดธุรกิจต่างชาติจึงยอมยกธงขาวออกจากแดนมังกร

เหตุใดธุรกิจต่างชาติจึงยอมยกธงขาวออกจากแดนมังกร

วันที่นำเข้าข้อมูล 26 ธ.ค. 2555

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 27 พ.ย. 2565

| 5,863 view

                                                เหตุใดธุรกิจต่างชาติจึงยอมยกธงขาวออกจากแดนมังกร
                                                                                                                             สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเซี่ยเหมิน
                                                                                                                             [email protected]

               กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเซี่ยเหมินเกี่ยวกับสาเหตุและปัญหาที่ธุรกิจต่างชาติต้องประสบเมื่อเข้าไปลงทุนในประเทศจีน จนบ่อยครั้งที่ ธุรกิจต่างชาติหลายแห่งต้องยอมถอนทุนออกจากประเทศจีน
               รายงานของสถานกงสุลใหญ่ฯระบุว่า ผลการวิจัยของ DDB (บริษัทข้ามชาติที่ทำธุรกิจที่ปรึกษาด้านโฆษณาและการตลาดโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ โดยลูกค้าของDDB ในตลาดจีน ได้แก่ McDonald’s, Volkswagen, Energizer, Virgin Atlantic, Phillipsเป็นต้น) ชี้ให้เห็นว่า เหตุผลที่ทำให้ธุรกิจต่างชาติยอมยกธงขาวออกจากแดนมังกรมีดังนี้
               (๑) ประเทศจีนยังขาดแคลนแรงงานที่เหมาะสมกับการทำงานในบริษัทต่างชาติอยู่มาก แม้แรงงานจีนท้องถิ่นจะมีความรู้ความเข้าใจในภาษาและวัฒนธรรมของจีนเอง แต่ยังขาดประสบการณ์ในการทำงานกับองค์กรต่างชาติ ส่วนบุคลากรจากต่างชาติแม้จะได้เปรียบในการทำงานกับองค์กรต่างชาติไป็นอย่างดีแล้วก็ตาม  แต่ก็ขาดความเข้าใจที่ลึกซึ้งในตลาดจีน ด้วยเหตุนี้ทำให้คู่แข่งธุรกิจในท้องถิ่นของจีนมีความได้เปรียบในตลาดจีนอย่างมากโดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อความราบรื่นในการทำธุรกิจ
               (๒) ธุรกิจต่างชาติมักมุ่งเน้นการคงความเป็นเอกลักษณ์ของตราสินค้าตนเองไว้ แต่เนื่องจากความแตกต่างทั้งด้านภาษาและวัฒนธรรมของจีน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้แบรนด์ต่างชาติต้องหาพันธมิตรท้องถิ่นมาช่วยสนับสนุนจึงจะทำให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดต่อไปได้ ประกอบกับการที่ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และ ภาษาจีนเองก็มีสำเนียงที่แตกต่างกันออกไปถึง 292 สำเนียง ทำให้การตั้งชื่อรวมถึงการสร้างเครื่องหมายการค้าที่มีความเหมาะสมถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับของตลาด
               (๓) ชาวจีนมีวัฒนธรรมในการใช้จ่ายสินค้าที่ไม่เหมือนชาวตะวันตก แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตรวดเร็วก่อให้เกิดเศรษฐีรุ่นใหม่จำนวนมากในเมืองใหญ่ดังเช่น เมืองเซี่ยงไฮ้ แต่ในเมืองชนบทต่างๆ ของประเทศจีน รายได้ต่อเดือนของแรงงานยังอยู่ในระดับที่ไม่มากนัก กล่าวคือ อยู่ที่เดือนละเกิน 1,000 หยวน และรายได้เฉลี่ยของชนชั้นกลางในเมืองใหญ่อื่นๆ ก็ยังคงอยู่ที่ประมาณ 100,000 หยวนต่อปีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ผู้บริโภคชาวจีนจึงมองสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกทั้งหลายว่ามีราคาแพง
               (๔) ความยากลำบากในการทำความเข้าใจ ตีความหมาย และการเข้าถึงโฆษณาสินค้า และตราสินค้าของผู้บริโภคชาวจีน ซึ่งตรงกันข้ามกับตลาดในประเทศอื่นๆ ที่ผู้บริโภคสามารถตีความ มีอารมณ์ร่วม และเข้าถึงผลิตภัณฑ์ และโฆษณาสินค้าได้โดยง่าย
               (๕) ตลาดจีนเป็นตลาดโฆษณาการค้าที่มีขนาดใหญ่มาก คือใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติต้องทุ่มเงินค่าโฆษณาจำนวนมากขึ้นเพื่อทำให้สินค้าของตนเป็นที่รู้จักในตลาดจีน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากค่าใช้จ่ายในด้านโฆษณามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวางแผนเลือกใช้ช่องทางต่างๆอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบต่อผลกำไรรวมของธุรกิจ
               (๖) การทำธุรกิจออนไลน์ในจีนแตกต่างกับประเทศอื่นๆ ในโลกอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากในประเทศจีนไม่มี Facebook, Youtube และTwitterเหมือนประเทศอื่น แต่มี Renrenwang (www.renren.com) Youku (www.youku.com) และ Weibo (www.weibo.com) ซึ่งช่องทางการทำธุรกิจออนไลน์ดังกล่าวสามารถแพร่กระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมากกว่าช่องทางการทำธุรกิจอย่าง Facebookในประเทศอื่นๆอย่างมาก เนื่องจากหากเกิดข่าวลือด้านลบของธุรกิจหนึ่งบนช่องทางการทำธุรกิจของจีนอย่าง Weibo อาจทำให้ธุรกิจนั้นล่มจมเลยก็เป็นได้ซึ่งร้ายแรงมากเมื่อเปรียบเทียบกับการทำธุรกิจออนไลน์ในประเทศอื่นๆ
                จากเหตุผลดังกล่าว จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่นักธุรกิจจากต่างชาติต้องศึกษาข้อมูลการทำธุรกิจก่อนเข้าไปลงทุนในตลาดแดนมังกร มิเช่นนั้นแล้วอาจเจอปัญหาข้างต้นอันเป็นสาเหตุให้ต้องถอยทัพออกจากตลาดจีนเลยก็เป็นได้