วันที่นำเข้าข้อมูล 1 พ.ค. 2555
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 5 พ.ย. 2562
การประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11 (UNCTAD XI)
บราซิลเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม UNCTAD ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 13-18 มิถุนายน ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) ณ นครเซา เปาโล (Sao Paulo) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาพัฒนาการและปัญหาของระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ติดตามการดำเนินการภายใต้ปฏิญญากรุงเทพ และแผนปฏิบัติการกรุงเทพ และเป็นโอกาสให้ประเทศสมาชิกได้แสดงข้อคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และนำเสนอแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ (best practices) ใน แง่มุมต่างๆ ของการค้าและการพัฒนา รวมทั้งแสดงจุดยืนร่วมกันในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี และร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้หัวข้อหลักของการ ประชุม คือ การเสริมสร้างการเชื่อมโยง/ความสอดคล้องระหว่างยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ กำลังพัฒนากับบทบาททางเศรษฐกิจของโลก เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
บทบาทของประเทศไทยในการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11
ในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุม UNCTAD ครั้งที่ 10 มีบทบาทที่โดดเด่นเป็นที่ยอมรับ นับจากที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุม UNCTAD ครั้งที่ 11 ณ นคร Sao Paulo เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2547 โดย เน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดการให้โลกาภิวัตน์ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้าง ขึ้นเกิดประโยชน์สูงสุดแก่มวลมนุษยชาติ และในขณะที่ระบบพหุภาคีไม่ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ประเทศต่างๆ ต้องหาทางเลือกอื่นๆ ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยต้องลดการพึ่งพาประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกตัวอย่างกรอบความร่วมมือต่างๆ ที่ไทยได้ผลักดัน ทั้งในระหว่างประเทศเพื่อนบ้านและในระดับเอเชีย
นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงร่วมกับผู้นำประเทศอื่นๆ ซึ่งมีประธานาธิบดีบราซิลกล่าวนำในหัวข้อ A New Geography of Trade: South-South Cooperation in an Increasingly Interdependent World โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นหลักการพึ่งพาตัวเองและยกตัวอย่างการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ dual-track การ ดำเนินแนวนโยบายตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว และเน้นเรื่องพันธมิตรกับประเทศกำลังพัฒนา ประเทศที่พัฒนาแล้ว และองค์การระหว่างประเทศ พร้อมทั้งได้กล่าวยกตัวอย่างถึงสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับ UNCTAD และตั้งอยู่ที่ประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในฐานะที่เป็นประธานการประชุม UNCTAD ครั้งที่ 10 และการประชุมเพื่อติดตามผล UNCTAD (UNCTAD Mid-term Review) ได้กล่าวเปิดการประชุมเต็มคณะ และส่งมอบตำแหน่งประธานการประชุมให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบราซิล และได้กล่าวสุนทรพจน์ในช่วง General Debate โดย เป็นการกล่าวเสริมสุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายพึ่งพา ตัวเองและการสร้างพันธมิตรทางเศรษฐกิจ อันเป็นแนวทางหนึ่งในการบริหารจัดการในกระแสโลกาภิวัตน์ ซึ่งความพยายามของไทยในเรื่องการพัฒนามีปรากฏในนโยบายภายในประเทศและความคิด ริเริ่มของไทยในหลายกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาค
ผลการประชุมในภาพรวม
ในการประชุม UNCTAD XI ประเทศกำลังพัฒนาได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของระบบพหุภาคีต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งถึงแม้ว่าหลายประเทศจะได้พึ่งพาเวทีภูมิภาค อนุภูมิภาค และทวิภาคี แต่ทั้งหมดนั้นควรเป็นไปเพื่อสนับสนุนระบบพหุภาคี (multilateralism) อัน เป็นเป้าประสงค์หลัก เนื่องจากเป็นการยกระดับอำนาจต่อรองของประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งเป็นการแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นธรรม เป็นระบบ และมีบูรณาการ
สำนักงานเลขาธิการ UNCTAD และผู้แทนประเทศสมาชิกมีความเห็นในเบื้องต้นว่า การประชุม UNCTAD ครั้งที่ 11 ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยประเทศสมาชิกสามารถบรรลุฉันทามติในการกำหนดแนวการดำเนินงานของ UNCTAD ต่อไปในช่วง 4 ปี ข้างหน้า ประกอบกับการประชุมครั้งนี้มีผู้แทน ทั้งในระดับผู้นำ ระดับรัฐมนตรี ผู้แทนของประเทศต่างๆ องค์การระหว่างประเทศ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม รวมทั้งสิ้นกว่า 2,000 คนลงชื่อเข้าร่วมการประชุมอย่างเป็นทางการจาก 109 ประเทศสมาชิก
ผลการประชุมตามหัวข้อย่อย
ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการแบ่งหัวข้อย่อยสำหรับการหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเป็น 4 ประเด็น สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
ที่ ประชุมได้หารือถึงความไม่เท่าเทียมกันระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลัง พัฒนาในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ และเห็นว่าจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อปรับปรุงสถานการณ์ดัง กล่าว เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาได้รับประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ใน ธุรกิจ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และป้องกันไม่ให้ช่องว่างในการพัฒนาทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยภาครัฐควรมีบทบาทสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนา เทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้กล่าวต่อที่ประชุมถึงบทบาทของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในไทย โดยได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของการปรับเปลี่ยนหน่วยงานของรัฐ (กรม สรรพากร) ให้ใช้ระบบเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้รัฐสามารถประหยัดงบประมาณค่าใช้จ่าย ในขณะที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี เป็นต้น รวมทั้งได้กล่าวถึงโครงการคอมพิวเตอร์ราคาถูก และการส่งเสริมธุรกิจสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณท์แบบอิเล็กทรอนิกส์
ที่ ประชุมเห็นพ้องกันว่าระบบการขนส่งสินค้ามีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการค้า ระหว่างประเทศ และการลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้าจะช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาได้รับประโยชน์จาก การเปิดการค้าเสรี การหารือได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการขนส่งในประเทศ กำลังพัฒนาที่มีประสิทธิภาพเพียงพอเพื่อรองรับการค้าที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งการขนส่งทางบก น้ำ และอากาศ โดยเฉพาะการขนส่งทางเรือและนโยบายการเปิดน่านฟ้าเสรี สำหรับการดำเนินโยบายด้านศุลกากรควรได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาวะ การค้าที่มีการเปลี่ยนแปลง สร้างกระบวนการทางศุลกากรที่รวดเร็ว มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ และสอดคล้องกับ Kyoto Convention และไม่ด้อยไปกว่ามาตรฐานทางศุลกากรที่กำหนดโดย World Customs Organization รวม ทั้งสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ประชุมได้เน้นถึงต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบการ ขนส่งที่ประเทศต่างๆ กำหนดขึ้นเพื่อตอบสนองประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยจากการก่อการร้าย
ที่ ประชุมได้หารือถึงพัฒนาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งทำให้การสื่อสารทางไกล เป็นไปได้อย่างสะดวกและมีต้นทุนต่ำ และทำให้ระบบเศรษฐกิจพึ่งพาข้อมูลข่าวสารและความรู้มากขึ้น ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าภายใต้กระแสดังกล่าว ประเทศกำลังพัฒนาจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากรมนุษย์ เพื่อใช้ประโยชน์จากพัฒนาการดังกล่าวในการสร้างความสามารถในการแข่งขันและ สร้างนวัตกรรมในการผลิตสินค้าและบริการ
ในโอกาสนี้ ได้มีการประกาศจัดตั้ง UNCTAD Virtual Institute on Trade and Development ซึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงเครือข่ายสถาบันทางวิชาการและ ข้อมูลในการพัฒนาการทำวิจัยและการฝึกอบรมด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนาโดยนำเสนอเครื่องมือการสอน ข้อมูลและเครื่องมือในการวิจัยอื่นๆ ผ่าน website ของสถาบันการศึกษาทั้งในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งนี้ สถาบันที่สนใจจะเข้าร่วมในเครือข่าย จะต้องสมัครผ่าน UNCTAD และ จะต้องเปิดให้สถาบันอื่นๆ ในเครือข่ายสามารถเข้ามาใช้ข้อมูลและเครื่องมือของตนได้ผลประโยชน์ที่คาดว่า จะได้รับจากการจัดตั้งสถาบัน ได้แก่ การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อมูล ข้อคิดเห็น และสร้างความร่วมมือในการพัฒนาการสอนและการวิจัย
เอกสารผลของการประชุมอังค์ถัด ครั้งที่ 11
ที่ประชุม UNCTAD ครั้งที่ 11 ได้มีฉันทามติให้ความเห็นชอบเอกสารการประชุม 3 ฉบับ ดังนี้
1. Spirit of Sao Paulo
เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นโดยบราซิลในฐานะประเทศเจ้าภาพ และผ่านการหารือกับประเทศสมาชิกอื่นๆ ใน Conference Bureau เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง โดยกล่าวถึงบทบาทที่สำคัญของ UNCTAD ความสำคัญของการอนุวัติตามแถลงการณ์และผลการประชุมระหว่างประเทศที่สำคัญ อาทิ แถลงการณ์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Declaration) แผนปฏิบัติการเพื่อการพัฒนาของประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ฉันทามติ Monterrey (Monterrey Consensus) การประชุมสุดยอดระดับโลกว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน แผนปฏิบัติการ Almaty (Almaty Programme of Action) การประชุมสุดยอดระดับโลกว่าด้วยสังคมสารสนเทศ การสนับสนุนการเจรจาการค้าหพุภาคี Doha Round รวม ทั้งการสร้างความร่วมมือและหุ้นส่วนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะระหว่างกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและขจัดความยาก จน บนพื้นฐานของการเข้ามีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย
2. Sao Paulo Consensus
เป็นเอกสารหลักของการประชุม UNCTAD XI ที่ใช้แผนปฎิบัติการกรุงเทพ (Bangkok Plan of Action) เป็นพื้นฐานสำคัญ Fดยที่ ประชุมเห็นว่า การกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาควรมีความสอดคล้องกับสภาวะพิเศษของประเทศ และควรมีความหลากหลายในยุทธศาสตร์ของการพัฒนา (ไม่มี “one-size-fits-all”) และได้เน้นความสำคัญของการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดย ดำเนินนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของตลาด ส่งเสริมเทคโนโลยีสื่อสารและสารสนเทศสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้ เข้าถึงแหล่งเงินทุน เน้นว่าการค้ามีส่วนสำคัญในการนำไปสู่การพัฒนาประเทศและผลักดันให้การเจรจา การค้าพหุภาคี Doha Round แก้ไขอุปสรรคและความไม่ เท่าเทียมกันทางการค้า รวมทั้งการสร้างหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาแห่งสหัส วรรษ ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคม ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวไม่มีผลเป็นข้อผูกมัด แต่เป็นการวิเคราะห์ปัญหาเชิงนโยบาย บทบาทที่สำคัญของ UNCTAD รวมทั้งการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองเพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหา
3. Sao Paulo Declaration on the Launching of the Third Round of Negotiations within the Global System of Trade Preferences among Developing Countries (GSTP)
เป็นผลของการประชุมระดับรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547) เพื่อประกาศเปิดรอบการเจรจาลดหย่อนภาษีศุลกากรภายใต้โครงการ GSTP รอบใหม่ รอบที่สาม โดยประธานการประชุม (รัฐมนตรีว่าการด้านเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อให้การสนับสนุนทางการเมืองต่อการเปิดเจรจา GSTP รอบ ใหม่ที่มีความสำคัญยิ่ง เนื่องจากจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และแก้ไขปัญหาความยากจน โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทน หากแต่เป็นหนทางหนึ่งในการสนับสนุนการเจรจาการค้าภายใต้กรอบ WTO ในขณะที่เลขาธิการ UNCTAD กล่าว ว่า การเปิดเจรจารอบใหม่ดังกล่าวเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของประเทศกำลังพัฒนาที่ จะยืนหยัดด้วยตัวเอง ดังจะเห็นได้ว่าสถิติอัตราการเจริญเติบโตทางการค้าระหว่างกลุ่มประเทศใต้ใน ปัจจุบันสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของการค้าโลกถึงหนึ่งเท่าตัว และมีแนวโน้มที่จะขยายเพิ่มขึ้น และความร่วมมือดัง กล่าวจะนำไปสู่การสร้างความหลากหลายของสินค้าส่งออกและเป็นพื้นฐานสำหรับ ความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศใต้ในด้านอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ ในโอกาสดังกล่าว ผู้แทนไทยเน้นว่าไทยสนับสนุนความร่วมมือและการค้าระหว่างกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และหวังว่าการเจรจารอบใหม่จะได้รับผลสำเร็จ โดยประเทศสมาชิกจะต้องร่วมกันปรับปรุงกลไกของการดำเนินงานของ GSTP รวมทั้งแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคของการเจรจารอบที่ผ่านมา โดยไทยให้ความสำคัญกับหลักการ “mutuality of advantages” ซึ่งเน้นประโยชน์ที่เป็นธรรมให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการ
วันทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
(ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)